TNN online บทเรียนล้ำค่าของ 'แมนยู' หลัง 'รังนิก' เทตำแหน่งที่ปรึกษา

TNN ONLINE

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

บทเรียนล้ำค่าของ 'แมนยู' หลัง 'รังนิก' เทตำแหน่งที่ปรึกษา

บทเรียนล้ำค่าของ 'แมนยู' หลัง 'รังนิก' เทตำแหน่งที่ปรึกษา

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศยืนยันเรื่องการตัดสินใจอำลาทีมของ ราล์ฟ รังนิก โดยจะไม่รับงานเป็นที่ปรึกษาของทีม เพื่อไปทำหน้าที่คุมทีมชาติออสเตรียแบบเต็มตัว

หลังจากที่ รังนิก พา ปีศาจแดง ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง เมื่อหล่นไปจบอันดับ 6 ชวดโควตาลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และได้เพียงโควตาไปลุยยูโรป้า ลีกเท่านั้นในฤดูกาลนี้


โดยมีแถลงการดังต่อไปนี้ “สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขอขอบคุณ ราล์ฟ รังนิก สำหรับความพยายามของเขาในฐานะผู้จัดการทีมชั่วคราวตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาด้วยข้อตกลงร่วมกัน ตอนนี้ ราล์ฟ จะโฟกัสไปที่บทบาทใหม่ของเขาในฐานะผู้จัดการทีมทีมชาติออสเตรียเท่านั้น”


“และจะไม่รับบทบาทที่ปรึกษาที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เราขออวยพรให้ ราล์ฟ โชคดีในบทต่อไปในอาชีพของเขา” แถลงการณ์จากแมนฯ ยูไนเต็ด”


เกิดอะไรขึ้นในรั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพราะหากจำกันได้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 29 เมษายน ทีมชาติออสเตรียประกาศเเต่งตั้ง ราล์ฟ รังนิก คุมทีมถึงปี 2024 พร้อมควบตำเเหน่งที่ปรึกษาให้กับเเมนฯ ยูไนเต็ด 30 เมษายน ราล์ฟ รังนิก "  ให้สัมภาษณ์กับ สกาย สปอร์ต เกี่ยวกับบทบาทของเขากับ ยูไนเต็ด ว่า “สิ่งที่ผมบอกได้และยืนยันคือผมจะทำหน้าที่ที่ปรึกษาต่อไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลและอีก 2 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน”


การแยกทางกับ รังนิก ทำให้ ยวน ชาร์ป และ คริส อาร์มาส ก็ต้องอำลาสโมสรเช่นกัน ขณะที่ ไมค์ ฟีแลน ต้องการออกจากสโมสรเช่นกัน แต่ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาตกลง โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน รังนิก ได้พูดคุยหารือกับ เอริก เทน ฮาก เป็นเวลานาน ก่อนที่สุดท้ายจะมาจบที่ข้อสรุปในการอำลาทีมของตัวเขาเอง 


ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวมากมายเกี่ยวกับความไม่ลงรอยกัน และมีรายงานด้วยว่า รังนิก ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่สโมสรปล่อยให้ เอริค เทน ฮาก กุนซือคนปัจจุบัน เข้ามานั่งชมเกมในนัดสุดท้ายกับ คริสตัล พาเลซ เนื่องจากมองว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกัน และควรจะเข้ามาทำงานหลังจากจบฤดูกาลโดยสมบูรณ์แล้ว 


นอกจากนี้กลางเดือนพฤษภาคม เคยมีรายงานว่า ราล์ฟ รังนิก กำลังพิจารณาว่าจะตกลงรับตำเเหน่งที่ปรึกษาให้กับ เเมนฯ ยู ดีหรือไม่หลังจากไม่ได้โบนัส  1 ล้านปอนด์ เพราะไม่สามารถพาทีมจบท็อปโฟร์ได้ในฤดูกาลนี้ 


และจนตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่า เบื้องหลังของเรื่องนี้คืออะไรกันแน่ แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือความผิดพลาดของบอร์ดบริหารที่ทำให้เรื่องวุ่นๆเกิดขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สโมสรและ รังนิก อาจรู้สึกว่า เมื่อ ราล์ฟ เข้าคุมทีมชาติออสเตรียแล้ว อาจเป็นเรื่องยากที่เขาจะแบ่งเวลามาทำงานที่ ยูไนเต็ด ด้วย รังนิก จะโฟกัสไปที่การคุมทีมชาติออสเตรียเพียงอย่างเดียว  


สำหรับสถิติการคุมทีมของ รังนิก กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมทั้งสิ้น 29 เกมรวมทุกรายการ ชนะไป 11 เสมอ 10 และแพ้ถึง 8 เกม ทั้งๆที่เพิ่งมาคุมทีมในช่วงก่อนปีใหม่เพียงไม่นานเท่านั้น 


จากสถิติที่เกิดขึ้นจะสังเกตุได้ว่า ช่วงเวลา 6 เดือนของ รังนิก กับ ปีศาจแดง เป็นช่วงเวลาที่ เดอะ โปรเฟสเซอร์ มีผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิตการเป็นกุนซือเลยทีเดียว โดยเปอร์เซนต์การเก็บชัยชนะของ รังนิก กับ ยูไนเต็ด น้อยนิดเพียง 37.93% เท่านั้น สิ่งที่ แมนยู ควรได้ รังนิก มันควรเป็นเรื่อง ประสบการณ์ ความรู้ ของเขาคือสิ่งที่ทีมควรจะได้ อุตส่าห์เคลียร์คนเบื้องหลังออกไปได้มาก ทั้งแมวมอง รวมไปถึงการวางมือของ เอ็ด วู๊ดเวิร์ด แถมยังได้กุนซือที่ดูมีแนวโน้มที่ดีอย่าง เทน ฮาก เข้ามาอีก แต่คนที่ลงเสาเอกวางโครงสร้าง จากวางระบบ กลายเป็นวางระเบิด เปิดตูดชิ่งหนีซะอย่างงั้น


ปีศาจแดง กำลังจะเสีย ป็อกบา แบบไม่ได้สักบาทเดียว แถมเป็นครั้งที่สองแล้วกับแข้งรายนี้ รวมไปถึงล่าสุดที่มีการแยกทางกับ รังนิก แบบเสียค่าโง่ ก็ว่าหวังการเสียค่าโง่ครั้งนี้ จะเป็นสุดท้ายของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สักที

ข่าวแนะนำ