(ไฮไลท์)ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก 2021-22 สัปดาห์ที่ 19 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ เลสเตอร์ ซิตี้

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2021/22 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2564 เป็นการเจอกันระหว่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านดวลกับ "สุนัขจิ้งจอก" เลสเตอร์ ซิตี้

GOAL ... เริ่มครึ่งแรก เพียงแค่ 5 นาที แมนซิตี้ ก็ขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ แฟร์นันดินโญ่ หยอดบอลเข้าไปในเขตโทษ เควิน เดอ บรอยน์ ดูดบอลลงอย่างสุดสวย ก่อนพลิกหลอกแนวรับทีมเยือน แล้วหมุนตัวยิงลูกพุ่งเสียบเสาเข้าไปอย่างเด็ดขาด

GOAL ... นาทีที่ 14 เจ้าถิ่น มาได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะเตะมุมบอลเปิดเข้ามาหน้าประตู และมีการฉุดกันล้มลง แต่กรรมการไม่ได้เป่าฟาล์ว ทว่าห้อง VAR ส่งสัญญาณมาว่า ยูริ ตีเลอมันส์ ไปกระชาก อายเมริก ลาปอร์ต ล้มลง ทำให้กรรมการต้องหยุดเกมเพื่อไปดูจอ และเมื่อดูแล้วก็เป่าจุดโทษให้ แมนซิตี้ ทันที และเป็น ริยาด มาห์เรซ รับหน้าที่สังหารไม่มีพลาด สกอร์ขยับเป็น 2-0

นาทีที่ 18 เลสเตอร์ ชวดได้ประตูตีไข่แตกอย่างน่าเสียดาย เมื่อมาได้ลูกฟรีคิกระยะอันตราย เจมส์ แมดดิสัน ปั่นโค้งสุดสวย ทว่า เอแดร์ซอน ยังพุ่งปัดบอลไปชนคานกระเด้งออกมา ก่อนที่แนวรับเจ้าถิ่นจะเคลียร์บอลออกหลังไปได้

GOAL ... นาทีที่ 21 เรือใบสีฟ้า ทะยานนำห่าง 3-0 จากจังหวะที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา จ่ายบอลให้ เดอ บรอยน์ ก่อนจะจิ้มออกทางปีกขวาให้ เจา กานเซโล่ หลุดเข้าไปเปิดยัดมาหน้าประตู แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายทวารทีมเยือนพุ่งปัดลูกออกมาเข้าทาง กุนโดกัน ได้ตั้งป้อมยิงแบบจ่อๆ เข้าไปตุงตาข่าย แบบง่ายดาย

GOAL ... นาทีที่ 25 แมนซิตี้ มาได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะที่ สเตอร์ลิง ได้บอลในเขตโทษ ก่อนกระชากจะเข้าไปยิง ทว่าไปโดน ยูริ ตีเลอมันส์ เกี่ยวขาล้มลง กรรมการเป่าให้จุดโทษทันที และเป็น สเตอร์ลิง เองที่รับหน้าที่ยิงเข้าไป สกอร์กลายเป็น 4-0

นาทีที่ 35 เจ้าถิ่น เกือบได้อีกประตู จากจังหวะที่ ซินเชนโก้ วางบอลยาวเข้าไปในเขตโทษ แบร์นาร์โด้ ซิลวา แปะบอลจังหวะเดียวมาให้ สเตอร์ลิง ได้ยิงจ่อๆ ทว่า ชไมเคิ่ล ยังพุ่งปัดออกหลังได้แบบไม่น่าเชื่อ

นาทีที่ 41 เลสเตอร์ มาได้ลุ้นตีไข่แตก จากจังหวะที่ เปเรซ พาบอลหลุดขึ้นไปทางขวา ก่อนจ่ายเข้ามาหน้าเขตโทษให้ แมดดิสัน จับหนึ่งจังหวะแล้วไหลต่อมาให้ ดูวส์บิวรี่-ฮอลล์ เติมขึ้นมาซัดเน้นๆ ทว่าลูกก็เหินข้ามคานไปอีก

ช่วงทดเจ็บ แมนซิตี้ เกือบบวกสกอร์เพิ่ม เมื่อมาได้ลูกฟรีคิกทางปีกขวา เดอ บรอยน์ เล่นลูกสูตร เปิดเรียดไปหน้าเขตโทษ และเป็น กุนโดกัน ที่วิ่งเข้ามาซัดเน้นๆ ทว่า ชไมเคิ่ล ยังพุ่งเซฟออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

หมดครึ่งแรก แมนซิตี้ นำห่าง เลสเตอร์ 4-0

กลับมาเตะกันต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 53 แมนซิตี้ มาได้อีกแล้ว จากจังหวะที่ ตีเลอมันส์ เคลียร์บอลในเขตโทษได้ไม่ดีเท่าไหร่ บอลมาตกตรงหน้า มาห์เรซ ได้ยิงสวนเข้าไปทันที ยังดีที่ลูกไปแฉลบนักเตะเลสเตอร์ ออกหลังไป

GOAL ... นาทีที่ 55 เลสเตอร์ มาได้ประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-4 จากจังหวะสวนกลับเร็ว แมดดิสัน ได้บอลกลางสนามก่อนแตะหนีแนวรับเจ้าถิ่น แล้วจ่ายต่อให้ อิเฮียนาโช่ พาบอลจี้เข้าหากรอบเขตโทษ ก่อนไหลออกทางซ้ายมาให้ แมดดิสัน อีกครั้ง แล้วยิงสวนตัว เอแดร์ซอน เข้าไปตุงตาข่าย

GOAL ... นาทีที่ 59 เลสเตอร์ ยิงไล่มาเป็น 2-4 จากจังหวะที่ แมดดิสัน ไปตัดบอลได้กลางสนาม ก่อนจ่ายมาให้ อิเฮียนาโช่ ลากพาบอลเข้าหาเขตโทษ แล้วจ่ายทะลุช่องแบบสุดสวยให้ อเดโมล่า ลุคแมน หลุดเข้าไปยิงลูกพุ่งเสียบเสาเข้าไปอย่างสุดสวย

GOAL ... นาทีที่ 65 แฟนบอลเจ้าถิ่นต้องเงียบกริบ เมื่อ เลสเตอร์ ยิงไล่มาเป็น 3-4 แบบไม่น่าเชื่อ จากจังหวะยิงไกลนอกกรอบของ แมดดิสัน บอลไปโดน เอแดร์ซอน พุ่งปัดไปชนคานกระเด้งออกมาเข้าทาง อิเฮียนาโช่ ยิงซ้ำดาบสองแบบจ่อๆ เข้าไปไม่เหลือกซาก

GOAL ... นาทีที่ 69 เจ้าถิ่น มาได้ประตูนำห่าง 5-3 เมื่อมาได้ลูกเตะมุม มาห์เรซ เปิดเข้ามาหน้าประตู และเป็น ลาปอร์ต ที่เทกตัวโหม่งย้อนลูกลอยเสียบเสาแรกเข้าไปตุงตาข่าย

นาทีที่ 79 ทีมเยือน มาได้ลุ้นอีกแล้ว จากจังหวะที่ ลุคแมน ได้บอลทางซ้าย ก่อนไหลทะลุช่องให้ ดูวส์บิวรี่-ฮอลล์ หลุดไปถึงเส้นหลังแล้วเปิดมาหน้าประตู อัลไบรท์ตัน พุ่งเข้ามาโหม่งจ่อๆ ทว่าโดนไม่ดีเท่าไหร่ ทำให้ลูกหลุดกรอบออกไป

GOAL ... นาทีที่ 87 แมนซิตี้ มาได้ประตูนำไกล 6-3 เมื่อมาได้ลูกเตะมุม บอลเปิดโค้งมาหน้าประตู รูเบน ดิอาส เทกตัวขึ้นโขก แต่โดนไม่ดีเท่าไหร่ ทว่าลูกมาตกตรงหน้า สเตอร์ลิง ยิงซ้ำจ่อๆ เข้าไปแบบไม่เหลือซาก

หมดเวลาการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านไล่ต้อน เลสเตอร์ ซิตี้ 6-3 ทำให้ "เรือใบสีฟ้า" เก็บเพิ่มเป็น 47 คะแนน นำเป็นจ่าฝูงต่อไป และมีแต้มนำ อันดับ 2 อย่าง ลิเวอร์พูล ถึง 6 คะแนนแล้ว แต่แข่งมากว่า 1 นัด

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม

แมนซิตี้ : เอแดร์ซอน โมราเอส (GK), เจา กานเซโล่, รูเบน ดิอาส, อายเมริก ลาปอร์ต, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, อิลคาย กุนโดกัน, แฟร์นันดินโญ่, เควิน เดอ บรอยน์, ริยาด มาห์เรซ, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ราฮีม สเตอร์ลิง

เลสเตอร์ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (GK), มาร์ค อัลไบรท์ตัน, ดาเนียล อมาร์ตีย์, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, ลุค โธมัส, เคียร์แนน ดูวส์บิวรี่-ฮอลล์, ยูริ ตีเลอมันส์, เจมส์ แมดดิสัน, อเดโมล่า ลุคแมน, อโยเซ่ เปเรซ, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่