“พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง” ภัยร้ายใกล้ตัวมนุษย์

พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง หรือ Single- use plastic หมายถึง พลาสติกที่มีอายุการใช้งานสั้น แต่ใช้เวลาในการย่อยสลายมากกว่า 200 ปี ตัวอย่างพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง เช่น ถุงหูหิ้ว หลอด แก้วน้ำ ขวดน้ำกล่องอาหาร เป็นต้น ล่าสุด อังกฤษประกาศนโยบายห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว เช่น จานชาม และช้อนส้อมพลาสติก รวมทั้งแก้วและกล่องใส่อาหารทำจากพลาสติกแล้ว โดยจะเริ่มบังคับใช้ในเดือนตุลาคมปีนี้ เพราะเป็นเรื่องดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะจากฐานข้อมูลพบว่าชาวอังกฤษใช้มีดและช้อนส้อมแบบใช้ครั้งเดียวที่ส่วนใหญ่ทำจากพลาสติกมากถึงปีละ2,700 ล้านชิ้น และจานชามพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวอีกปีละ 721ล้านชิ้น ในจำนวนนี้มีเพียงร้อยละ10เท่านั้นที่เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ ส่วนนโยบายห้ามใช้พลาสติกเหล่านี้ รัฐบาลได้ทำการสอบถามความคิดเห็นแล้ว พบว่ามีผู้สนับสนุนสูงถึงร้อยละ95 และยังมีอีกหลายประเทศทั่วโลกเตรียมยุติการใช้พลาสติกครั้งเดียวทิ้งเช่นกัน ซึ่งการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งนั้นมีข้อเสียมากมาย อย่างแรกเลยคือเป็นการเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เพราะขั้นตอนการผลิตพลาสติกต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และจริงๆแล้ว พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งนั้นผ่านการรีไซเคิลนำกลับมาใช้ใหม่น้อยมาก ซึ่งขยะพลาสติกต่างๆส่วนมากก็จะถูกปล่อยลงสู่ทะเล กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงกระทบไปถึงบรรดาสิ่งมีชีวิตต่างๆเช่นสัตว์ทะเลและนก ต้องเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ส่วนผลกระทบต่อมนุษย์คือเศษไมโครพลาสติกต่างๆที่พบในอาหารและน้ำดื่มก็ยังเป็นภัยต่อมนุษย์ ส่งผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนและในระยะยาวอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ ซึ่งปัญหาการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งจะลดลงไปได้ก็อยู่ที่เราทุกคนจะช่วยกันคนละไม้คนละมือ และค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกันไปเรื่อยๆ เพื่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา