สัตว์ป่าทั่วโลกลดลง 69% ใน 50 ปี เตือนโลกเข้าใกล้วิกฤตสูญพันธ์
“ WWF หรือ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลเปิดเผยว่า ประชากรสัตว์ป่าทั่วโลกลดลง 69% หรือราว 2 ใน 3 นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 สาเหตุส่วนใหญ่มาจากฝีมือมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่า การปล่อยมลพิษ นำไปสู่ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศกระทบต่อระบบนิเวศทั่วโลก”
ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทั่วโลก ทำให้สัตว์ต่างๆมีจำนวนลดลง ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากต่อความหลากหลายทางชีวภาพโลก ล่าสุดทาง WWF หรือ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลเปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ศึกษาวิจัยข้อมูลสัตว์ป่ากว่า 5,000 สปีชีส์เป็นเวลาเกือบ 50 ปี ขณะนี้ประชากรสัตว์ป่าทั่วโลกลดลง 69% หรือราว 2 ใน 3 นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 สาเหตุส่วนใหญ่มาจากฝีมือมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่า การปล่อยมลพิษ นำไปสู่ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศกระทบต่อระบบนิเวศทั่วโลก พื้นที่ที่เผชิญปัญหามากที่สุดจะอยู่ในลาตินอเมริกา และคาริบเบียนที่ประชากรสัตว์ป่าได้ลดลงไป 94% ตามมาด้วยแอฟริกาที่ลดลง 66% เอเชียและแปซิฟิกลดลง 55% อเมริกาเหนือ 20% ขณะยุโรปและเอเชียกลางลดลง 18% จากสถิตินี้ก็ทำให้เกิดความกังวลกันอย่างมาก ซึ่งเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ตัวแทนประเทศต่างๆทั่วโลกจะร่วมประชุม COP15 ที่ประเทศแคนาดา ซึ่งจะมีการทำความตกลงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และช่วยกันลดการทำลายพื้นที่ธรรมชาติต่างๆ นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าเรากำลังเข้าสู่วิกฤตการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ จึงพยายามออกมาเตือนและขอความร่วมมือทั่วโลก ให้ช่วยกันเพิ่มความพยายามในการอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติ ไปจนถึงเร่งการลดก๊าซเรือนกระจกและควบคุมไม่ให้โลกร้อนเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เพื่อไม่ให้ทุกอย่างสายเกินไปที่จะแก้ไข
