รวบคาสนามบอล! หัวหน้าแก๊งวันคอยน์โกงเหยื่อ 500 ล้าน
กองปราบบุกจับ หัวหน้าแก๊งวันคอยน์ ฉ้อโกงเหยื่อชาวเวียดนามและคนไทย ร่วมลงทุนมูลค่าความเสียหายร่วม 500 ล้านบาท
5
กันยายน 2562 ตำรวจกองปราบปราม นำโดย พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ อำไพจิตร์ พ.ต.ต.จักรี กันธิยะ
สว.กก.4
บก.ป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.พิจิตร, สภ.เมืองพิจิตร และ ตม.จว.พิจิตร ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายมานะ จูเมือง
อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิจิตร ที่ จ.171/2562
ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2562 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” พฤติการณ์การกระทำผิด
นายมานะฯ และพวกรวม 7 คน ซึ่งมีทั้งคนไทยและคนเวียดนาม
ได้ร่วมกันหลอกลวงกลุ่มผู้เสียหาย ชาวเวียดนามและคนไทยเป็นจำนวนมาก
โดยมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 500 ล้านบาท
คดีนี้
นายมานะ และพวก ได้ใช้สถานที่พิพิธภัณฑ์บ้านดง โฮจิมินห์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ แห่งมิตรภาพไทย-เวียดนาม
ตั้งอยู่ใน ต.ป่ามะคาบ อ.เมือง จ.พิจิตร
เป็นสถานที่ในการดึงดูดชาวเวียดนามเข้ามาในประเทศไทย
จากนั้นได้ออกอุบายแนวทางการลงทุนให้นักลงทุนทั้งชาวเวียดนามและชาวไทยขึ้น
โดยการสร้างสกุลเงินดิจิตอลสกุลหนึ่งชื่อ “วันคอยน์(One
Coin)” ขึ้นมาเพื่อให้นักลงทุนร่วมกันลงทุน
โดยในเบื้องต้นกลุ่มนายมานะ
ได้หลอกให้นักลงทุนทั้งคนเวียดนามและคนไทย นำเงินสดมาแลกกับเหรียญสกุลเงินวันคอยน์
ในอัตราการแลกเปลี่ยน 1,000,000 บาท ต่อ 100,000 เหรียญวันคอยน์ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวนี้
จะมีการโฆษณาให้นักลงทุนที่สนใจร่วมลงทุนคือ
เน้นให้สะสมเหรียญวันคอยน์ให้ได้จำนวนมาก และเมื่อสะสมเหรียญ วันคอยน์ได้ตามเงื่อนไขของการลงทุนที่กำหนดไว้แล้ว
ผู้ลงทุนจะสามารถนำเหรียญวันคอยน์ไปแลกสินค้าต่างๆได้ เช่น 10,000 เหรียญวันคอยน์ สามารถแลกทองคำน้ำหนัก 1 บาท หรือ 1,000,000
เหรียญวันคอยน์สามารถแลกรถเบ๊นซ์ได้จำนวน 1 คัน
หรือบางส่วนก็สามารถนำไปแลกบ้านเดี่ยวได้อีกด้วย เป็นต้น
ในระหว่างที่สะสมเหรียญวันคอยน์ถ้าครบตามกำหนดระยะเวลาก็จะมีการปันผลให้อีกส่วนหนึ่ง
ทั้งนี้ในการลงทุนทั้งหมดนี้
กลุ่มของนายมานะ ได้ใช้เงินลงทุนบางส่วนไปซื้อที่ดินของชาวบ้านจังหวัดพิจิตรในจำนวนหลายสิบไร่
สำหรับใช้แอบอ้างเป็นสถานที่ทำการใหญ่ของกลุ่มผู้ประกอบการเงินสกุลวันคอยน์
เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เชื่อมั่นให้กับกลุ่มผู้ร่วมลงทุน
และทำให้ผู้ร่วมลงทุนคนอื่นที่พบเห็นและชักชวนกันมาลงทุนจำนวนมาก
กระทั่งต่อมาการลงทุนในกลุ่มสกุลเงินวันคอยน์ไม่สามารถที่จะปันผลกำไร
หรือแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ตามที่โฆษณาไว้ให้กับผู้ลงทุนตั้งแต่ต้นได้
จึงทำให้เกิดความเสียหายกับนักลงทุนเป็นจำนวนมากรวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท
ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นคนเวียดนาม และมีคนไทยที่ร่วมลงทุนอีกจำนวนหนึ่ง
จากนั้นได้มีผู้เสียหายรวมตัวกันแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน
สภ.เมืองพิจิตร ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานร้องขอหมายจับนายมานะ
กับพวก ต่อศาลจังหวัดพิจิตร ตามที่ จ.171/2562 ลงวันที่ 23
สิงหาคม 2562 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง”
หลักจากนั้นเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2562 เวลาประมาณ 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหามาหลบพักมากบดานอยู่ที่บริเวณ
ถ.พระราม 9 แขวง/เขตห้วยขวาง กรุงเทพ จึงเดินทางไปตรวจสอบและสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่
บริเวณสนามฟุตบอลพระราม 9 ฟุตซอล ถ.พระราม9 แขวง/เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การ
ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา นำตัวส่ง สภ.เมืองพิจิตร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป