
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.77 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันที่ผ่านมา มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.60 - 34.00 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.74-33.85 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง หลังเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ทยอยอ่อนค่าลง ตามการปรับลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 4.50% ของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่แม้จะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทว่า มีกรรมการ 2 ท่านที่สนับสนุนให้ BOE ปรับลดดอกเบี้ยลง 50bps ในการประชุมครั้งนี้
อีกทั้งผู้ว่าฯ BOE ยังได้ส่งสัญญาณว่า BOE มีแนวโน้มทยอยลดดอกเบี้ยลงเพิ่มเติมได้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า การลดดอกเบี้ยของ BOE ในครั้งนี้ มีลักษณะ Dovish Cut
อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์กลับแข็งค่าขึ้นได้ไม่นาน หลังรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาดเล็กน้อย

สรุปข่าว
ขณะเดียวกัน บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินยุโรปก็มีส่วนหนุนให้ทั้งเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ซึ่งเงินปอนด์อังกฤษก็สามารถทรงตัวเหนือระดับก่อนรับรู้ผลการประชุม BOE ได้ ซึ่งการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์ในช่วงคืนที่ผ่านมา ก็มีส่วนช่วนหนุนการรีบาวด์ขึ้นบ้างของทั้งราคาทองคำและเงินบาท
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น หรืออย่างน้อยก็แกว่งตัวในกรอบ Sideways หากประเมินตามกลยุทธ์ Trend Following ตราบใดที่เงินบาทไม่ได้กลับมาอ่อนค่าลงชัดเจน เหนือโซนแนวต้าน 34.10 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านแถว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในคืนนี้ ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดโอกาสที่เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้
โดยเรามีความกังวลว่า รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในเดือนมกราคม อาจออกมา เพิ่มขึ้น 1.8-2.2 แสนตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้แถว 1.7 แสนตำแหน่ง
โดยคาดการณ์ของเราก็ใกล้เคียงกับมุมมองของทางทีมนักวิเคราะห์ Bloomberg Economics (ซึ่งเป็นทีมที่ประเมินยอดการจ้างงานได้แม่นยำที่สุดในการประเมินยอดการจ้างงานเดือนธันวาคม) ทำให้มีโอกาสที่ผู้เล่นในตลาดจะตอบรับต่อ ยอดการจ้างงานฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดไปมากได้ หากการประเมินของเราและทาง Bloomberg Economics นั้นถูกต้อง ซึ่งอาจเห็นเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ดี เรามองว่า มีโอกาสที่เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะไม่ได้ปรับตัวขึ้นไปมากนัก เนื่องจากรายงานยอดการจ้างงานฯ ในครั้งนี้ จะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังจนถึงช่วงเดือนมีนาคมปี 2024
ซึ่งเรามองว่า มีโอกาสที่จะเห็นการปรับลดยอดการจ้างงานฯ ในอดีตลง เฉลี่ยเดือนละ 6-8 หมื่นตำแหน่ง ทำให้ภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงเป็นแนวโน้มทยอยชะลอตัวลง (Gradual Cooling Labor Market) ทำให้ผู้เล่นในตลาดลดความกังวลต่อยอดการจ้างงานฯ ที่จะออกมาดีกว่าคาดไปมากได้ รวมถึงในกรณีที่ อัตราการว่างงาน (Unemployment) ปรับตัวขึ้นบ้างสู่ระดับ 4.2% ก็อาจช่วยชะลอการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ เราขอเน้นย้ำว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนของตลาดการเงินในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เนื่องจากสถิติย้อนหลัง 1 ปี ที่ผ่านมา ชี้ว่า เงินบาท (USDTHB) อาจผันผวนกว่า +0.65%/-0.35% โดยเฉลี่ย ในช่วง 30 นาที หลังตลาดรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump's Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
ที่มาข้อมูล : -
ที่มารูปภาพ : Getty Images