TNN NEX เล็งขยายฐานลูกค้าอีวี หวังปั๊มรายได้เพิ่ม

TNN

Wealth

NEX เล็งขยายฐานลูกค้าอีวี หวังปั๊มรายได้เพิ่ม

NEX เล็งขยายฐานลูกค้าอีวี  หวังปั๊มรายได้เพิ่ม

NEX กางแผนขยายฐานลูกค้ารัฐ-เอกชน หวังปั๊มรายได้เพิ่ม คาดธุรกิจอีวีเติบโต 100% ใน 10 ปีข้างหน้า หลังทั่วโลกส่งเสริมการใช้รถอีวีลดมลพิษ

 นายคณิสสร์  ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV)  จะเติบโตต่อเนื่องใน 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากกำลังการผลิตรถยนต์สันดาป หรือ รถยนต์ที่ใช้น้ำมันจะลดลง และในระยะ 10 ปี คาดว่า การจะมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 100% เนื่องจากทั่วโลกได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน 


ขณะที่ประเทศไทยนันคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ  ได้ส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ตามนโยบาย 30/30 คือการตั้งเป้าผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี ค.ศ. 2030 หรือปี 73 


อย่างไรก็ตาม  ปริมาณการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นนั้น   กระทรวงพลังงานก็อาจจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันมาสนับสนุนภาคเอกชน พร้อมส่งเสริมการใช้ในหน่วยงานภาครัฐ  


ส่วนผลการดำเนินงานในปี 64 มีแนวโน้มเติบโตที่ดี โดยมั่นใจว่าจะกลับมาพลิกเป็นกำไรได้ จากที่ขาดทุนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 61 ที่ขาดทุนสุทธิ 55 ล้านบาท ปี  62 ขาดทุนสุทธิ 146 ล้านบาท ปี  63 ขาดทุนสุทธิ 213 ล้านบาท ส่วนสิ้นงบไตรมาส 2/ 64 นั้นยังขาดทุนสุทธิอยู่ 70 ล้านบาท อย่างไรก็ตามปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในปีนี้กลับมามีกำไรนั้น  มาจากการทยอยส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 500 คันภายในปีนี้  ซึ่งล่าสุดได้ส่งมอบให้กับรถร่วม ขสมก.แล้ว 120 คัน 


ส่วนในปี  65 คาดว่าว่าจะได้รับคำสั่งซื้อ (Order) รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น  จากภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ใช้สำหรับขนส่งตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปมีประมาณ 40,000 คันต่อปีที่ต้องการเปลี่ยนรถใหม่ ขณะที่รถร่วม บขส. ต้องการเปลี่ยนรถใหม่ประมาณ 6,000 คันต่อปี ยังไม่นับรถโดยสารของ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส.  


สำหรับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก.มีแผนจะเปลี่ยนรถเมล์ประมาณ 3,000 คันมาเป็นรถเมล์ไฟฟ้า  ดังนั้นในปี  65 NEX จึงมีโอกาสที่จะได้รับออเดอร์ในจำนวนนี้ ซึ่งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ NEX ที่ร่วมกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA สามารถดำเนินการผลิตได้เต็มกำลังการผลิต 2 กะได้จำนวน 6,000 คันต่อปี NEX คาดว่าปีหน้ารายได้เติบโต 100% หรือประมาณ 24,000 ล้านบาท 


ส่วนโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดย NEX ที่ลงทุนในสัดส่วน 45 % กับ EA ในสัดส่วน 55% นั้นส่วนใหญ่จะเจาะกลุ่มรถยนต์เพื่อเชิงพาณิชย์ เช่น รถขนส่ง รถเมล์ รถโดยสารประจำทาง เป็นต้น เฉลี่ยราคา 6 ล้านบาทต่อคัน ซึ่งให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ประมาณ 12-20% ต่อหน่วย ขณะที่ประสิทธิภาพในการวิ่งนั่นได้ประมาณ 150 กิโลเมตรต่อคัน ขณะที่การผลิตรถยนต์ส่วนบุคคลนั้นคงเป็นแผนในระยะยาว เพราะต้องรอให้เป็นที่นิยมก่อน  คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 50-60 ล้านบาท สำหรับการลงทุนวิจัย และพัฒนาขบวนการผลิต เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

ข่าวแนะนำ