เงินบาทอ่อนขึ้นแท่นอันดับ 4 เกาะกลุ่มภูมิภาค

รายงานข่าวจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาแจ้งว่า ค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29.80-30.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ  แนวโน้มคาดว่าจะอ่อนค่า หลังจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลหรือบอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ระดับ 1.29 % จากเดิมปลายปีอยู่ไม่ถึง 1% ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ต้องติดตามนโยบายของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ เรื่องแพ็คเกจมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐว่าจะผ่านสภาคองเกรสในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ หากได้รับการอนุมัติจะส่งให้เศรษฐกิจสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้นและเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น รวมถึงการประกาศตัวเลข GDP  ในเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเติบโต 4.3% ซึ่งอาจจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นและหมุนเงินสกุลในภูมิภาครวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าลง

สำหรับภายในประเทศปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประกาศตัวเลข การส่งออก และนำเข้าของไทยในเดือนม.ค. และธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานตัวเลขเศรษฐกิจม.ค.   

ส่วนการเคลื่อนไหวของสกุลเงินคงในภูมิภาค ตั้งแต่ 1 -19 ก.พ. พบว่า เปโซ-ฟิลิปปินส์อ่อนค่ามากสุด 0.8% รองลงมาคือเยน- ญี่ปุ่น 0.7% รูเปียห์-อินโดนีเซีย 0.4% บาท-ไทย 0.1% ริงกิต-มาเลเซีย 0.1% ขณะที่สกุลเงินที่แข็งค่า เช่น ดอลลาร์-ไต้หวัน 0.9% วอน-เกาหลีใต้ 0.8% รูปี-อินเดีย 0.5% ดอลลาร์-สิงคโปร์ 0.4% หยวน-จีน 0.2% ด้านภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายตั้งแต่ 1 -18 ก.พ.พบว่า ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 5,381 ล้านบาท  ขายสุทธิพันธบัตร 2,287 ล้านบาท