TNN online ดีเดย์! สรรพสามิตปรับขึ้น 'ภาษีน้ำหวาน' รอบ 2

TNN ONLINE

Wealth

ดีเดย์! สรรพสามิตปรับขึ้น 'ภาษีน้ำหวาน' รอบ 2

ดีเดย์! สรรพสามิตปรับขึ้น 'ภาษีน้ำหวาน' รอบ 2

กรมสรรพสามิต ดีเดย์ปรับขึ้น 'ภาษีน้ำหวาน' รอบ 2 ด้านกรมอนามัยพบว่าคนไทยกินน้ำตาลจากเครื่องดื่มน้อยลง

วันนี้( 1 ต.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันแรกที่กรมสรรพสามิต ดีเดย์ปรับขึ้นภาษีเครื่องดื่มความหวาน รอบที่ 2 ตามกฎหมายที่ทยอยปรับขึ้นเป็นขั้นบันไดไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 ซึ่งเป้าหมายของการปรับโครงสร้างภาษีน้ำหวาน เพื่อต้องการให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นและสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคปัจจุบันที่รักสุขภาพ หันมาออกกำลังกายและใส่ใจในการเลือกรับประทานอาหาร เครื่องดื่มหลังจากสถานการณ์การบริโภคน้ำตาลของคนไทยช่วงที่ผ่านมา พบว่าเกินมาตรฐานของกรมอนามัยโลกไปมาก ส่งผลให้คนไทยเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น

ด้าน ทัตแพทย์หญิงปิยะดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย ในฐานะประธานเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน ระบุว่า ผลดีของการปรับขึ้นภาษีความหวานรอบแรก ที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 พบว่าในปัจจุบันคนไทยบริโภคน้ำตาลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมคนไทยบริโภคน้ำตาลโดยรวมทั้งหมดประมาณ 100 กรัมต่อคนต่อวัน แต่การบริโภคน้ำตาลจากเครื่องดื่มคิดเป็นครึ่งหนึ่ง ของการบริโภคน้ำตาลต่อวัน ดังนั้นคนไทยบริโภคน้ำตาลจากเครื่องดื่มจึงอยู่ที่ 50 กรัมต่อคนต่อวัน คิดเป็น 12 ช้อนชาต่อคนต่อวัน

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก ได้แนะนำการบริโภคน้ำตาลไม่ควรเกิน 5% ของปริมาณที่จะได้ หรือ ประมาณ  6 ช้อนชา ขณะนี้คนไทยบริโภคอยู่ที่ 26 ช้อนชาแต่หลังจากได้มีการปรับขึ้นภาษีความหวาน ตั้งแต่ปี 2560 พบว่าคนไทยบริโภคน้ำตาลจากเครื่องดื่มลดลงเหลือ 8 ช้อนชาต่อคนต่อวัน จึงเป็นเรื่องน่ายินดี แม้จะเป็นช่วงเริ่มต้นปรับภาษีน้ำตาลในระยะแรก แต่ผลที่ตามมาเห็นได้อย่างชัดเจนเช่นนี้นับเป็นเรื่องดีที่ควรดำเนินการต่อเนื่องต่อไป และเชื่อว่าผู้ประกอบการจะมีการปรับตัวปรับสูตรการผลิตด้วย

ทั้งนี้ จากนโยบายดังกล่าว จะทำให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้น เพราะการลดอัตราการบริโภคน้ำตาล จะช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคภัยต่าง ๆ แต่หากผู้ประกอบการ จะเลี่ยงความหวานจากน้ำตาล ไปใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล ทัตแพทย์หญิงปิยะดา ระบุว่า ส่วนตัวไม่เห็นเพราะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการลดความหวานออกจากร่างกาย



เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com 
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง