TNN online หุ้นไทยวันนี้ ลุ้น “Sideways/Up”

TNN ONLINE

Wealth

หุ้นไทยวันนี้ ลุ้น “Sideways/Up”

หุ้นไทยวันนี้ ลุ้น “Sideways/Up”

หุ้นไทยวันนี้ ลุ้น “Sideways/Up” แม้ความเสี่ยงธนาคารโลกโดยภาพรวมค่อนข้างจำกัด

บล.กรุงศรี พัฒนสิน มองภาพตลาด “Sideways/Up” แม้ความเสี่ยงธนาคารโลกโดยภาพรวมค่อนข้างจำกัด แต่ยังเห็นผลกระทบในส่วนธนาคารขนาดกลาง-เล็กสหรัฐฯอยู่บ้างจากภาพการเร่งถอนเงินในกลุ่มดังกล่าวในช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุด และโยกไปที่ธนาคารขนาดใหญ่ โครงสร้างดังกล่าวทำให้ตลาดยังเชื่อมั่นภาพนโยบายการเงินเข้มงวดที่เป็นปลายทางแล้วคาดหนุนสินทรัพย์เสี่ยงระยะกลาง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจมีแนวโน้มเด่น คือ Asia รวมถึงไทยจากแรงหนุน China Reopening โดยสัปดาห์นี้คาดจะมีภาพบวกทั้งรายงาน China PMI และมุมมองเศรษฐกิจภายในที่เป็นบวกของ กนง.  วันนี้ลุ้น SET ฟื้นตัว Sideways/Up มองหุ้นอิงเศรษฐกิจภายในนำตลาด บวกกับ ปัจจุบัน SET มี Valuation มีค่า PER2023 เหลือเพียง 15.5 เท่า (เทียบค่าเฉลี่ย 17.3 เท่า) จะเป็นแรงหนุน SET Index เดินหน้าสู่เป้าปี 2023 ที่ 1800จุด ทั้งนี้  อิง ERP เฉลี่ย 3.06%  


โดยปัจจุบันยังให้ลงทุนหุ้นไทยน้ำหนัก 80% แนะนำ 

1) หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์ China Reopening ที่ลุ้น Upside เพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจไทยจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาตรการจำกัดการเดินทางชาวจีนของบางประเทศ คาดจะนำตลาดได้ต่อ ( AMATA,  WHA, ERW, CENTEL, SNNP, DOHOME, MC, SISB, PLANB)  

2) หุ้นกลุ่มเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐฯ ผสานหุ้น Consumer พื้นฐานมั่นคง (CRC,  HMPRO,  CPALL, BJC, ADVANC, AMATA, SAPPE, ICHI, BBL, KBANK, SCB)

3) Election Play (ADVANC, INTUCH, PR9,  PLANB) 

4) Summer Play (OSP, ICHI, SAPPE, DOHOME,  CRC, CENTEL) 

5) หุ้นกลุ่ม High Growth (BE8, BBIK, SAWAD)

6) หุ้นกลุ่ม Anti-Commodities (GULF, GPSC, BGRIM)  

7) หุ้นกลุ่มโรงกลั่นที่กำไร 1Q23 ลุ้นภาพดีกว่าตลาดกังวล ขณะที่หุ้นอยู่ในโซนมี Upside ในด้าน Valuation (TOP, PTTGC, BCP)


ด้าน บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่าสถานการณ์ของ DB ไม่เหมือนกับ CS ราคาหุ้นธนาคาร Deutsche Bank (DB) ปรับลดลง -14.5% ก่อนปิดไปที่ -8.5% ขณะที่ตราสารประกันความเสี่ยงผิดนัดชำระ (CDS) ของธนาคารปรับสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนกังวลอาจเกิดปัญหาลุกลามมายังธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมัน อย่างไรก็ตาม DB เป็นธนาคารที่มีกำไรต่อเนื่อง (ไม่เหมือน CS ที่ขาดทุนหนัก) ขณะที่ฐานเงินทุนมีความแข็งแกร่ง ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่าความผันผวนดังกล่าวเกิดจากข่าว DB ต้องการไถ่ถอนหุ้นกู้ (Subordinated Tier 2 notes due 2028) ก่อนกำหนด ซึ่งควรเป็นปัจจัยบวกยืนยันพื้นฐานความแข็งแกร่งของธนาคาร อย่างไรก็ตามในภาวะที่ตลาดมีความกังวลต่อความเปราะบางของพื้นฐานธนาคาร การดำเนินงานที่ผิดไปจากปกติ รวมไปถึงการลดน้ำหนักเนื่องจากวัฏจักรดอกเบี้ยที่ผ่านจุดสงสุด แรงขายหรือการปรับลดของหุ้นธนาคารอาจสร้างความผันผวนต่อบรรยากาสลงทุนระยะสั้นได้ แต่เราประเมินสถานการณ์ดังกล่าวห่างไกลจากวิกฤติ


เน้นเลือกหุ้นมากกว่ามองระดับดัชนี ธีมการลงทุนในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า เราคาดจะเห็นการหมุนออก หรือลดน้ำหนักจากหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาขึ้น และไปเพิ่มน้ำหนักยัง 1) หุ้นฟื้นตัวที่มีการถือครองต่ำ 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนราคาพลังงานลดลง 3) หุ้นปลอดภัยหรือที่มีกระแสเงินสดคล้ายพันธบัตร (bond like stock) ซึ่งหุ้นที่อยู่ธีมการลงทุนดังกล่าวได้แก่ กลุ่มค้าปลีก หุ้นเปิดเมือง (บางตัว) กลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มอาหาร (ร้านอาหาร) กลุ่มไฟฟ้า และกลุ่มสื่อสาร โดยมีหุ้นที่เราชอบ ได้แก่ CPALL, MAKRO, BJC, WHA, AMATA, ROJNA, PTG, OR, MAJOR, SPA, ERW, VRANDA, BGC, M, SORKON, SNP, BGRIM, GPSC, GULF, GUNKUL, ADVANC เป็นต้น


ภาพรวมกลยุทธ์: มองตลาดผันผวนระยะสั้นจากการปรับพอร์ตลดน้ำหนักธีมดอกเบี้ยขาขึ้นไปเป็นดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุด ทยอยสะสมเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ได้แก่ และหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว โดยหุ้นที่เรามองสามารถทยอยสะสม ได้แก่ MAJOR, CPALL, MAKRO, BJC, PTTGC, IRPC, TIDLOR, AMANAH, MILL, TSTH, KSL, ROJNA, SAMART, SDC เป็นต้น

ข่าวแนะนำ