หุ้นไทยวันนี้ผันผวนช่วงสั้น หลังสถานการณ์ Credit Suisse บวก

บล.กรุงศรี พัฒนสิน  คาดตลาด “Sideways/Up” ต้าน 1573/1583 จุด รับ 1553/1545 จุด สถานการณ์ Credit Suisse ในยุโรป มีพัฒนาการบวก หลังได้ข้อสรุป UBS เข้าซื้อกิจการด้วยมูลค่าราว 3.0 พันล้านสวิสฟรังก์ ช่วยบรรเทาความกังวลต่อกลุ่มสถาบันการเงินจะลุกลามกระทบเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง โดยแนวทางแก้ปัญหากลุ่มธนาคารสหรัฐฯ หลังการเสริมสภาพคล่อง น่าจะออกมาในทิศทางเดียวกันคือ M&A หรือการเข้าซื้อพอร์ตสินเชื่อ/เงินฝากเป็นรายธนาคาร ขณะที่เศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯเริ่มชะลอลงชัดขึ้น ผลผลิตอุตสาหกรรม ก.พ. 23 , ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มี.ค. 23 ผสานความคาดหวังเงินเฟ้อผู้บริโภคที่ลดลง ยืนยันวงจรดอกเบี้ยเข้าสู่ปลายทางแล้ว เป็นบวกต่อ EM-ASIA ขณะที่ในประเทศ เข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง หนุนค่าเงินบาทแข็งค่าสู่ 34.0บาท+/- หนุน SET วันนี้หุ้นอิงภายในที่ได้ผลบวกเลือกตั้ง, โรงไฟฟ้า เด่น แนะนำ: ADVANC, SC, SIRI

ด้านบล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่าความกังวลภาคธนาคารโลกมีแนวโน้มปรับลดลง ภายในเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง

โดยความเสี่ยงระบบธนาคารลดลงหลัง UBS เข้าซื้อกิจการ Credit Suisse ที่วงเงิน 3.23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่ง ณ ราคาดังกล่าวคืออัตราแลกหุ้น 1 UBS: 22.48 CS หรือคิดเป็นราคา 0.76 ฟรังสวิสต่อหุ้น การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยสร้างความมั่นใจว่าปัญหาของ CS ที่เป็นหนึ่งใน 30 ธนาคารสำคัญที่เชื่อมโยงกับระบบธนาคารโลกจะไม่เกิดปัญหาที่ลุกลามต่อภาคธนาคารซึ่งเป็นบวก อย่างไรก็ตามราคาซื้อดังกล่าวต่ำกว่ามูลค่าตลาดของ CS ในช่วงปิดการซื้อขายวันศุกร์ที่ 7.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ กว่าครึ่ง อาจส่งผลลบต่อภาพการลงทุนระยะสั้น แต่ถือว่าเป็นบวกกับเสถียรภาพของระบบการเงินและสินทรัพย์เสี่ยง

ค่าเงินสหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนลง หลัง 6 ธนาคารโลกร่วมเพิ่มสภาพคล่องเงินเหรียญสหรัฐฯ ธนาคารกลางสำคัญของโลกประกอบไปด้วย ธนาคารกลางแคนาดา ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์ ออกแถลงการณ์ร่วมกันในการร่วมกันเพิ่มสภาพคล่องในรูปเงินเหรียญสหรัฐฯ เข้าสู่ระบบการเงินโลกเริ่มวันที่ 20 มี.ค.-30 เม.ย. แนวโน้มความต้องการเงินเหรียญฯ สหรัฐฯ ในระยะสั้นมีโอกาสพุ่งสูงขึ้นจากความกังวลภาคธนาคารโลก อย่างไรก็ตามการเพิ่มสภาพคล่องเงินเหรียญสหรัฐฯ มีแนวโน้มช่วยจำกัดผลกระทบของปัญหา และช่วยกดให้ค่าเงินเหรียญฯ อ่อนตัวลง ซึ่งจะเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม

ภาพรวมกลยุทธ์: ผันผวนช่วงสั้น แต่ downside ของตลาดถูกจำกัดด้วยมาตรการต่างๆของธนาคารกลางทั่วโลก (ควบรวม CS และเพิ่มสภาพคล่องเงินเหรียญฯ) ติดตามการส่งสัญญาณยืนยันไม่ลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม 22 มี.ค.นี้ อาจหนุนการฟื้นตัวของหุ้น ทยอยสะสมเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ได้แก่ และหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว โดยหุ้นที่เรามองสามารถทยอยสะสม ได้แก่ MAJOR, CPALL, MAKRO, BJC, PTTGC, IRPC, TIDLOR, AMANAH, MILL, TSTH, KSL, ROJNA, SAMART, SDC เป็นต้น