TNN online วิกฤตภาคธนาคาร อาจส่งผลให้เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

TNN ONLINE

Wealth

วิกฤตภาคธนาคาร อาจส่งผลให้เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

วิกฤตภาคธนาคาร อาจส่งผลให้เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

ในสัปดาห์นี้ราคาทองคำคาดว่าปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยคาดว่าราคาทองคำจะทดสอบ 2,000 ดอลลาร์ ทั้งนี้แนะนำเข้าซื้อทองคำ บริเวณราคา 1,960 ดอลลาร์ ส่วนสัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ และการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ

ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคารได้ส่งผลให้มีแรงซื้อทองคำเข้ามาในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นแรงมาก สู่ระดับสูงสุดที่ 1,988 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน และนับว่าปรับตัวขึ้นแรงกว่า 6.47% ภายใน 1 สัปดาห์ โดยในช่วงต้นสัปดาห์นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการล้มละลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) แม้ว่าประธานเฟดได้มีการแถลงร่วมกับนางเจเน็ต เยลเลน และนายมาร์ติน กรุนเบิร์ก ประธาน FDIC โดยจะตั้งโครงการ “Bank Term Funding Program” ซึ่งให้ประชาชนที่ฝากเงินไว้สามารถเข้าถึงเงินของตนได้เต็มจำนวน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้ประชาชน แต่นักลงทุนยังคงไม่คลายความกังวลมากนัก เนื่องจากยังคงมีความกังวลว่าวิกฤตธนาคารล้มครั้งใหญ่นี้จะลามไปเหมือนเช่นวิกฤตเมื่อปี 2551 หรือไม่?  และยังมีบริษัทหรือสถาบันการเงินที่ไหนบ้างที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร SVB หรือจะเกิดกรณีเหมือนเช่นธนาคาร SVB อีก 


หากพิจารณาเพียงธนาคาร SVB มันอาจไม่ได้มีผลกระทบมากเท่ากรณี LEHMAN BROTHERS ที่ล้มละลายไปเมื่อปี 2551 เนื่องจากขนาดธนาคาร SVB ค่อนข้างเล็กกว่า  ซึ่งอย่าง LEHMAN BROTHERS ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลกที่ดำเนินการมากกว่า 150 ปี และยังเคยได้รับการจัดอันดับจากนิตรสารฟอร์จูนให้เป็นองค์กรที่มีความมั่นคงสูงสุดในปี 2007 แต่ความผิดพลาดของ   LEHMAN BROTHERS คือการกู้เงินมาลงทุนถึง 44 เท่าของเงินตัวเองที่มี นั่นหมายถึง เงินสดน้อยมาก ซึ่งนำเงินไปลงทุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตสุดขีดขณะนั้น แต่ธนาคาร SVB ก่อนหน้านี้ยังมีเงินสดและสินทรัพย์เยอะมาก และลงทุนสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากอย่างพันธบัตร แต่ปัญหาการล้มละลายเกิดจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดกระทบธุรกิจ Startup   ทำให้เกิดการถอนเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ ธนาคารเริ่มขาดสภาพคล่อง จึงต้องขายพันบัตรเพื่อมาเสริมสภาพคล่อง โดยประกาศว่าขายพันธบัตรออกไป 21,000 ล้าน แล้วทำให้ขาดทุน 1,800 ล้าน เพื่อที่จะชดเชยการขาดทุนที่เกิดขึ้นจึงขอเพิ่มทุน 2,250 ล้าน คิดเป็นแค่ 10% เท่านั้น แต่ปัญหาหลักคือคนเริ่มขาดความเชื่อมั่น และมองว่าอาจมีขาดทุนที่ยังไม่บุ๊คอีก 15,000 ล้าน จนทำให้คนแห่ถอนเงินออกวันเดียว 42,000 ล้าน ทั้งนี้ขนาด SVB  ยังเป็น Sector เฉพาะกว่า ซึ่งอาจกระทบต่อธุรกิจ Startup  และธุรกิจเทคโนโลยี โดยเฉพาะธุรกิจเทคโนโลยีรายย่อยมากกว่ารายใหญ่  การดำเนินการของเฟดอาจเรียกความเชื่อมั่นได้ระดับหนึ่ง การดำเนินการที่เร็วของเฟดต่อวิกฤตินี้ มีความแตกต่างกับตอนปี 2551 ที่เฟดกว่าจะเข้ามาจัดการได้ช้ากว่ามาก จนทำให้วิกฤตในปี 2551 ลุกลามขึ้น


แต่วิกฤตภาคธนาคารก็ยังสร้างความกังวลอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ธนาคาร FRB ดิ่งอย่างหนัก ส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กประกาศระงับการซื้อขายต่อมาในคืนวันจันทร์ และตามมาด้วยธนาคารเครดิต สวิส ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ ก็กำลังเผชิญปัญหาทางการเงิน แม้ว่าธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ประกาศให้การสนับสนุนทางการเงินต่อธนาคารเครดิต สวิส แต่มาตรการดังกล่าวก็อาจยังไม่เพียงพอให้ธนาคารเครดิต สวิสหลุดจากปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ตามในที่สุดธนาคารยูบีเอสได้บรรลุดีลเข้าซื้อธนาคารเครดิต สวิสมูลค่า 3 หมื่นล้านสวิสฟรังก์ ส่วนธนาคาร FRB ได้มีธนาคารรายใหญ่ต่างอัดฉีดเม็ดเงินรวมกันถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ซึ่งถือว่าเป็นเพียงช่วยพยุงฐานะการเงินของธนาคารชั่วคราว ส่งผลทำให้นักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อเนื่อง ทำให้ยังคงมีแรงซื้อทองคำมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความกังวลล่าสุดที่ SVB Financial Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ ได้ยื่นเรื่องต่อศาลนิวยอร์กเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลาย 


ปัญหาวิกฤตภาคธนาคารที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟดในการประชุมสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% สู่ระดับ 4.75%-5.00% แต่สิ่งที่น่าจับตามองมากกว่านั้น คือเฟดจะตัดสินใจอย่างไรต่อการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต เฟดจะยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่? แล้วเงินเฟ้อจากที่เริ่มชะลอตัวลงมานับตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และชะลอตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง จะมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับตัวขึ้นอีกหรือไม่? รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับหนี้สาธารณะสหรัฐที่ทะลุเพดานนี้ไปแล้วที่ระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่าเงินจะหมดในเดือนมิ.ย. และแน่นอนต้องปรับขยายเพดานหนี้แน่นอน การพิมเงินเพื่อเข้ามาช่วยภาคธนาคารต่าง ๆ ก็ยิ่งทำให้สหรัฐเป็นหนี้มากขึ้นด้วยเช่นกัน


วิกฤตภาคธนาคาร อาจส่งผลให้เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

Gold Bullish 

   ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย

   ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ได้แก่ สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน

   หนี้สหรัฐชนเพดานที่ระดับ 31.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

   ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคาร 

   การชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

 

Gold Bearish 

   การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น


ในสัปดาห์นี้ราคาทองคำคาดว่าปรับตัวขึ้นได้ต่อ  โดยคาดว่าราคาทองคำจะทดสอบ 2,000 ดอลลาร์ ทั้งนี้แนะนำเข้าซื้อทองคำ บริเวณราคา 1,960 ดอลลาร์ ส่วนสัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ และการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ นอกจากนี้สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนมี.ค.

 

ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่  1,960 ดอลลาร์ และ 1,935 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,000 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,069 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 31,500 บาท และ 31,300 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 32,000 บาท และ 32,100 บาท


ธนรัชต์ พสวงศ์ 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง


ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์

• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD

———————————————————————

ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่ 

• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube

• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok

 

หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวแนะนำ