TNN online หุ้นเวียดนามที่ว่าดี เลือกอย่างไรให้ถูกตัว

TNN ONLINE

Wealth

หุ้นเวียดนามที่ว่าดี เลือกอย่างไรให้ถูกตัว

หุ้นเวียดนามที่ว่าดี เลือกอย่างไรให้ถูกตัว

ตลาดหุ้นเวียดนามมีสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยเป็นหลัก จึงมีการเทขายหุ้นโยกเงินมาฝากธนาคารแทน แม้ว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีผลประกอบการเติบโตดี และเศรษฐกิจเติบโตสูงสุดในกลุ่มอาเซียก็ตาม ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามถูกมองว่า มี ‘หุ้นดี ราคาถูก’ ให้เลือกซื้อจำนวนไม่น้อย

เราผ่านปี 2566 มา 2 เดือนแล้ว ตลาดหุ้นดาวเด่นแห่งเอเซียอย่าง ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ มีอะไรเกิดขึ้น! ทำไมถึงสวิงขึ้นลงได้ขนาดนี้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยังเห็นตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินกว่า 10% ทั้งๆที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจากการลาออกของประธานาธิบดีแต่พอเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ ตลาดหุ้นพลิกสู่ขาลง ร่วงไปเกือบ 8%

 

ถ้าตลาดหุ้นจะผันผวนแรงขนาดนี้แล้ว ‘เวียดนาม’ ยังถูกมองว่าเป็นโอกาสลงทุนแห่งทศวรรษอยู่หรือไม่ และจะเลือกลงทุนอย่างไรดี

 

@ เสียงเตือนจากดร. นิเวศน์ ถ้าเป็นข่าวร้ายที่มาชั่วคราว อย่าไปสนใจมาก ก่อนอื่นผมขออัพเดตสถานการณ์ภายในประเทศเวียดนามในระยะนี้ก่อนครับ

 

เดือนแรกที่ตลาดหุ้นเด้งขึ้นสดใสบวกกว่า 10.34% เป็นการตอบรับข่าวเชิงบวก หลังสำนักงานสถิติเวียดนามประกาศอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ปี 2565 ขยายตัวจากปี 2564 สูงถึง 8.02% ถือเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงที่สุดในเอเชีย และสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540 แม้ว่าจะเป็นปีที่เวียดนามเผชิญกับการแพร่ระบาดของ Covid-19 รุนแรงเหมือนประเทศต่างๆ ก็ตาม แต่รัฐบาลก็ผ่อนคลายนโยบายการควบคุมตั้งแต่มีนาคม รวมถึงการเปิดประเทศเต็มรูปแบบทำให้เศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และถึงแม้ว่าในเวลาต่อมา เกิดปัญหาทางการเมือง ‘Nguyen Xuan Phuc’ ประธานาธิบดีเวียดนาม ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ในวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องการทุจริตที่เกิดขึ้นในช่วงระบาด Covid-19 ก็ตามที แต่ตลาดหุ้นก็ยังวิ่งขึ้นสวนทาง 

 

แต่เรื่องมาพลิกผันเมื่อเข้าสู่เดือนที่สอง เพราะมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลเตรียมจะออกแนวทางใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริต ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลในระบบข้าราชการ จึงชะลอการอนุมัติโครงการต่างๆ แน่นอนว่าข่าวร้ายนี้ ย่อมกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้แน่นอนหากภาครัฐชะลอการลงทุนด้วยเหตุผลทางการเมือง ข่าวร้ายอีกข่าวที่เกิดในเดือนที่สอง คือ ปัญหาบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหุ้น ‘NOVALAND’ แจ้งขอขยายเวลาการชำระเงิน ‘คืนเงินต้น’ สำหรับหุ้นกู้ที่ออกไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 และยังมีการขอแปลงจ่ายเงินต้น ด้วยสินค้าของ NOVALAND กลายเป็นข่าวร้ายของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธนาคารที่เกิดจากปัญหาขาดสภาพคล่องของบริษัทแห่งนี้ นักลงทุนต่างวิตกกังวลปัญหาจะลุกลามนำไปสู่ผลกระทบต่อเสถียภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กดดันดัชนี-ตลาดหุ้นเวียดนามไหลลงถึง 7.78%ในเดือนเดียว

 

ภาพสะท้อนข่าวดีมาสลับข่าวร้ายในลักษณะแบบนี้ กระชากลากถูอารมณ์ตลาดเหวี่ยงไปมาหรือ กระทบ sentiment นักลงทุนระยะสั้นหรือเน้นเก็งกำไร แต่ถ้าคุณเป็นแฟนคลับ ดร. นิเวศน์ เหมวชิราวรากร กูรูสาย VI (นักลงทุนหุ้นคุณค่าที่ลงทุนระยะยาว) ชื่อดังของไทยมักพูดย้ำตลอดว่า เรื่องที่ดีหรือร้ายเป็นเรื่องชั่วคราว ไม่ช้ามันก็จะผ่านไปได้ ไม่ต้องสนใจมากเพราะเมื่อข่าวร้ายนี้ผ่านไป สถานการณ์ตลาดก็จะกลับเข้าที่เข้าทางของมันเองตามปัจจัยพื้นฐานเป็นสำคัญ หากคุณจะถามว่า แค่ต้นปี เวียดนามก็เผชิญมรสุมระลอกใหม่ซัดอีกแล้ว และช่วงที่เหลือปีนี้ จะเกิดอะไรขึ้นอีกหรือไม่ ก็จะได้คำตอบทุบดิน คือ

 

ไม่มีใครคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้หรอกครับ เพราะแม้แต่ไอดอลของผมเอง คือ ‘Warren Buffett’ นักลงทุนชื่อดังในตำนานโลก ก็บอกเช่นนี้เหมือนกัน และสิ่งที่แนะนำให้ทำ คือการ“สร้างเรือให้แข็งแรง พร้อมฝ่าทุกมรสุม” ครับ นั่นก็หมายถึงการสร้างพอร์ตให้แข็งแรงยึดหลักการลงทุน ‘เลือกหุ้นคุณภาพดี ราคาถูก มีอนาคต’ เพื่อการเติบโตในระยะยาว

 

@ ‘เวียดนาม’ Strong แค่ไหน รับ ‘เศรษฐกิจเติบโต’ ยืนหนึ่งในอาเซียนแต่ถ้าคุณถามว่า เวียดนามมีจุดแข็งอะไรที่จะรองรับการลงทุนในตลาดหุ้นในระยะยาวได้ผมพอจะมีคำตอบให้ได้ครับ

 

ข้อแรก ศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ยังยืนหนึ่งในอาเซียนหนุนการเติบโตก้าวกระโดด หลังจากช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา (2559-2563)เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตเฉลี่ย 5.9% สูงสุดในโลก และปี 2564 แม้เผชิญมรสุมโควิด จนต้องปิดประเทศ แต่ GDP ยังบวก 2.84 % และปีที่แล้ว 2565 ทำสถิติในรอบ 25 ปีหรือกว่า 2 ทศวรรษด้วย GDP เติบโต 8.02% สำหรับปีนี้ สำนักงานสถิติเวียดนามได้คาดการณ์ GDP ปีนี้เติบโต 6.5% และทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ก็ได้ปรับประมาณการณ์เศษฐกิจเวียดนามขยายตัว 7% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในอาเซียน อีกทั้งสถาบันจัดอันดับ Moody’s ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือเวียดนามอีกด้วย

 

ซึ่งข้อมูลดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจ สองเดือนแรกของปี 2566 ยอดค้าปลีกและบริการอยู่ที่ระดับ 994 ล้านล้านดองหรือ 41,839 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 13% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตฟื้นตัวสู่โซนขยายตัวระดับ 51.20 จากระดับ 47.40 ในเดือนมกราคม 2566 และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากจีนผ่อนคลายมาตรการ Zero Covid ผมมองว่า เป็นสัญญาณที่ดีว่าการบริโภคในเวียดนามได้ฟื้นตัวกลับมาแล้ว

และจะส่งผลดีต่อการเติบโตของเวียดนามอย่างชัดเจน แม้ว่าภาคส่งออกอาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอก็ตาม

 

แต่เศรษฐกิจภายในประเทศแข็งแกร่งจากพลังการบริโภคด้วยจำนวนประชากรเกือบ 100 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานซึ่งมีค่าแรงถูกและมีอำนาจซื้อสูงถือเป็นจุดแข็งที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจเวียดนามให้เติบโตแข็งแกร่งในระยะยาว แม้ว่าเศรษฐกิจยังต้องติดตาม เรื่องการฟื้นตัวในประเทศและการบริโภคที่อาจจะกดดันอัตราเงินเฟ้อทั่วไปให้ปรับขึ้นสูง ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายการเงิน แต่หากธนาคารกลางเวียดนาม สามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ ก็จะทำให้เวียดนามมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะยาวได้อย่างแน่นอน

 

ข้อที่สอง เวียดนามเป็นประเทศเนื้อหอมของนักลงทุนต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาลงทุนโดยตรง (FDI) กว่า 100 บริษัทจากทั่วโลก ซึ่งเป็นแรงส่งจากภาครัฐประกาศนโยบาย ‘Đổi Mới’ ผลักดันประเทศสู่ฐานการผลิตสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงของโลก ซึ่งเป็นเสาหลักสร้างฐานภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง หลังจากที่โลกเกิดปมความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน นักลงทุนต่างชาติเบนเข็มหนีจากจีนหันมาสู่ประเทศเวียดนามที่ตั้งอยู่ใกล้กัน โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่พาเหรดเข้ามาตั้งฐานการผลิต โดยเฉพาะทุนสัญชาติเกาหลีที่นำทัพโดย บริษัท Samsung ปักหลักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันขึ้นแท่นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ทั้งนี้ ปีที่แล้วได้เพิ่มเงินลงทุนอีก 3,300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

ใน ปี 2565 เป็นปีทองของเวียดนามที่มีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงมากที่สุดในเอเซียด้วยมูลค่าเงินลงทุนจากต่างประเทศกว่า 22,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.1% จากปี 2564 เวียดนามในวันนี้ถูกยกให้เป็นโรงงานแห่งใหม่ของโลก บริษัทต่างๆ มีศักยภาพการผลิตและสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และได้อานิสงส์จากนโยบายภาครัฐที่ขับเคลื่อนให้ประเทศเข้าสู่วัฎจักร Supply Chain ของโลก ตอกย้ำภาคการผลิต เป็นอีกเสาหลักที่แข็งแกร่ง พร้อมเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจพุ่งทะยานไปในข้างหน้าขึ้นจ่าฝูงกลุ่มประเทศเกิดใหม่ 

 

ข้อที่สาม ตลาดหุ้นเวียดนามมีโอกาส Upside ได้ในระยะยาวแค่ไหนหลังจากที่ปีที่แล้วตลาดร่วงรุนแรง คำตอบของผมนอกจากด้านปัจจัยพื้นฐานจากภาพรวมเศรษฐกิจและศักยภาพการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนในระยะยาวแล้ว ยังมีอีกปัจจัยที่เป็นจุดเปลี่ยนของตลาดหุ้นเวียดนาม นั่นคือ การยกระดับจากตลาดหุ้นชายขอบ หรือ Frontier Market ขึ้นสู่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ หรือ Emerging Market 

 

ปัจจุบัน ตลาดหุ้นเวียดนาม จัดเป็นตลาดหุ้นชายขอบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่ม Frontier Market โดยมูลค่าราคาตลาดรวมของตลาดหุ้นเวียดนามมีสัดส่วนใหญ่ถึง 30% ของกลุ่ม

Frontier Market แม้จะเป็นตลาดหุ้นที่มีความผันผวนสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงได้เช่นกัน หากหน่วยงานกำกับตลาดทุนของเวียดนาม ยกระดับมาตรฐานตลาดหุ้นเวียดนามก้าวขึ้นสู่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ แน่นอนว่า ความต้องการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติจะหลั่งไหลเข้าไปมากกว่านี้ ซึ่งราคาหุ้นดีๆ มักจะปรับตัวขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

 

@ เลือกเฟ้น ‘หุ้นดี’ ให้ถูกตัวยังไงถึงชนะตลาด 

ถ้ามองย้อนกลับไปปีที่ผ่านมา ดัชนี VNI ปรับตัวลดลงแรงกว่า 30% แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจขยายตัวสูงสุดในกลุ่มประเทศ CLMV ก็ตาม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการกวาดล้างนักปั่นหุ้นครั้งใหญ่และถูกซ้ำเติมจากธนาคารกลางเวียดนามที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้ดอกเบี้ยในตลาดเงินปรับตัวขึ้นสูง ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามมีสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยเป็นหลัก จึงมีการเทขายหุ้นโยกเงินมาฝากธนาคารแทน แม้ว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีผลประกอบการเติบโตดี และเศรษฐกิจเติบโตสูงสุดในกลุ่มอาเซียก็ตาม ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามถูกมองว่า มี ‘หุ้นดี ราคาถูก’ ให้เลือกซื้อจำนวนไม่น้อย

 

ปัจจุบันตลาดหุ้นเวียดนาม มีค่า P/E (12 เดือน) เท่ากับ 13.32 เท่า และยังมีแรงเข้าซื้อสะสมของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มเติม สะท้อนผ่านทาง Foreign Limit ของหุ้นต่างๆ ที่ยังคงเต็มลิมิตและมีค่า Premium ในระดับสูง ผมจึงมองเห็นโอกาสเข้าลงทุน ‘หุ้นเวียดนาม’ ที่มีจำนวนมากในตลาดซึ่งราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับศักยภาพในการทำกำไรระยะยาว

 

หากคุณเห็นเหมือนผมว่า ตลาดหุ้นเวียดนามมีความน่าสนใจลงทุนแต่ยังไม่รู้ว่าหุ้นตัวไหนของเวียดนามที่มีโดดเด่นและเติบโตในอนาคต ผมแนะนำให้เข้าไปดูข้อมูลการวิเคราะห์หุ้นรายตัวได้ใน Jitta.com แล้วเลือกดู Jitta Ranking เวียดนามก็จะพบการจัดอันดับหุ้นทั้งหมด หรืออีกวิธีคือการเข้าไปดูแผนการลงทุนของกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking เวียดนาม ว่าลงทุนในหุ้นตัวไหนบ้าง ผมบอกได้เลยว่า ตลาดหุ้นเวียดนามไม่ทำให้ผิดหวังในระยะยาว

 

โดยเฉพาะเมื่อคุณได้เห็นผลตอบแทน Backtest รวมของ Jitta Ranking เวียดนามในช่วงปี 2556- 2566 สูงถึง 351.30% เทียบกับดัชนีผลตอบแทนรวมของตลาดหุ้นเวียดนาม  VNINDEXTR) ที่อยู่ 216.58% เพราะเราพิสูจน์แล้วว่า Jitta Ranking เวียดนาม ช่วยให้นักลงทุนทำกำไรสูงชนะดัชนีตลาดในระยะยาวได้จริงครับ ถ้าคุณลงทุนระยะสั้น อาจจะเจอกับความผันผวนระหว่างทาง แต่ถ้าคุณลงทุนระยะปานกลางถึงระยะยาว หุ้นดีมีอนาคตก็มีโอกาสที่จะเติบโตล้อไปกับเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งได้ครับ 

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องความเสี่ยงจากการลงทุน ยังเป็นสิ่งที่คุณต้องทำการบ้านอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศ สภาพคล่องในระบบการเงิน กฎเกณฑ์และมาตรฐานการรายงานข้อมูลทางการรเงิน ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความไม่แน่นอนของระบบเศรษฐกิจ รวมถึงรายได้ของประชากรในประเทศ และยังมีสถานการณ์นอกประเทศที่พร้อมจะกระแทกตลาดหุ้นได้ทุกเมื่อ เพราะนับวันโลกมีแต่ความไม่แน่นอนสูงขึ้น ดังนั้น การกระจายการลงทุนของคุณ จะสามารถสร้างพอร์ตให้เติบโตดี ฝ่ามรสุมไปได้อย่างแข็งแกร่งครับ 

 

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ 

CEO Jitta Wealth

 

ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์

• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD

———————————————————————

ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่ 

• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube

• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok

 

หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวแนะนำ