กำไรลดหนัก! "เนสท์เล่" จ่อขึ้นราคา เนสกาแฟ-คิทแคท

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มเนสท์เล่ เตรียมปรับขึ้นราคาสินค้าอีกครั้งในปีนี้ หลังจากวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลให้ผลกำไรในปี 2565 น้อยกว่าคาดการณ์ของตลาด

มาร์ค ชไนเดอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเนสท์เล่ รายงานว่า อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงประมาณร้อยละ 2.6 เมื่อปีที่แล้วซึ่งถือว่ามหาศาล แม้ว่า เนสท์เล่ จะขึ้นราคาสินค้าแล้วร้อยละ 8.2 ในปีที่ผ่านมา

โดยผลประกอบการปี 2565 ของเนสท์เล่ มีกำไรสุทธิลดลงอยู่ที่ 9.3 พันล้านฟรังก์สวิส ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่มองว่าจะอยู่ที่ 1.16 หมื่นล้านฟรังก์สวิส

นอกจากนี้ กำไรสุทธิปี 2565 ของเนสท์เล่ ลดลงจาก 1.69 หมื่นล้านฟรังก์สวิสจากเมื่อปี 2564 ซึ่งเนสท์เล่ สามารถทำกำไรได้มหาศาลจากการขายหุ้นลอรีอัล (L’Oreal) ไปบางส่วน

ด้านยอดขายปี 2565 ของ เนสท์เล่ เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 9.44 หมื่นล้านฟรังก์สวิส โดยต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 9.502 หมื่นล้านฟรังก์สวิส แม้จะมีการปรับขึ้นราคาสินค้าในระหว่างปีไปแล้ว

ขณะที่ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วโลกปรับขึ้นราคาเพื่อรับกับต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นสำหรับวัตถุดิบเกือบทั้งหมด หลังสงครามในรัสเซียและยูเครน และห่วงโซ่อุปทานที่มีปัญหาจากการระบาดของโควิด-19 

ทั้งนี้ เนสท์เล่ เจ้าของแบรนด์กาแฟสำเร็จรูป เนสกาแฟ และช็อกโกแลตคิทแคท ชี้แจงว่าการขึ้นราคาดังกล่าวไม่สามารถชดเชยผลกระทบของต้นทุนที่เพิ่มขึ้น การขึ้นราคาอีกเป็นสิ่งจำเป็น แต่จะกระทบต่อกำลังซื้อของครัวเรือนในหลายประเทศทั่วโลกที่กำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้ออยู่ในปัจจุบัน 

ส่วนยูนิลิเวอร์ ยังคงยืนยันจะขึ้นราคาสำหรับผงซักฟอก สบู่ และอาหารสำเร็จรูปเพื่อชดเชยต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่การปรับขึ้นน่าจะชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 

ส่วนแปซี่โค (Pepsico) ผู้ผลิตขนมขบเคี้ยวและโซดาจะหยุดขึ้นราคาหลังจากการปรับขึ้นหลายครั้งในปีที่ผ่านมา ช่วยให้มีกำไรและยอดขายมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ 

ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE

ที่มาภาพ : TNN