TNN online สัปดาห์นี้คาดราคาทองคำปรับตัวลงไม่มาก และจะสร้างฐานบริเวณ 1,800 ดอลลาร์

TNN ONLINE

Wealth

สัปดาห์นี้คาดราคาทองคำปรับตัวลงไม่มาก และจะสร้างฐานบริเวณ 1,800 ดอลลาร์

สัปดาห์นี้คาดราคาทองคำปรับตัวลงไม่มาก และจะสร้างฐานบริเวณ 1,800 ดอลลาร์

สัปดาห์นี้คาดว่าราคาทองคำปรับตัวลงไม่มาก และราคาทองคำคาดจะสร้างฐานบริเวณ 1,800 ดอลลาร์ และอาจจะมีการ rebound ขึ้น ทั้งนี้สามารถเข้าซื้อทองคำระยะสั้นบริเวณ 1,800 ดอลลาร์ และ 1,785 ดอลลาร์

เมื่อสงครามรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อและกำลังเข้าสู่ปีที่ 2 หลังจากที่รัสเซียได้มีการบุกยูเครนนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งก็ได้สร้างความกังวลทั่วโลกว่าสงครามอาจบานปลาย จนกลายเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในช่วงขณะนั้น โดยผลกระทบของสงครามได้ส่งผลให้ทางด้านสหรัฐ EU และประเทศพันธมิตรได้มีการออกมาตรบาตรคว่ำบาตรรัสเซียหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการคว่ำบาตรบุคคลและองค์กรที่เกี่ยวกับรัฐบาลรัสเซีย ห้ามไม่ให้ใช้หนี้ด้วยเงินต่างประเทศที่มีอยู่ในธนาคาสหรัฐ ธนาคารใหญ่ ๆ ของรัสเซียไม่สามารถใช้ระบบ “Swift” คว่ำบาตรอุตสาหกรรมด้านความมั่นคง ธนาคาร ภาคการผลิตเหมืองแร่ของรัสเซีย หรือแม้แต่การคว่ำบาตรล่าสุด โดยการห้ามส่งออกน้ำมันดิบไปยัง EU และ G7 จากที่ EU และ G7 พากันจำกัดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียไว้ไม่เกิน 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับรัสเซียมากนัก เพราะปัจจุบันน้ำมันอูราล ซึ่งเป็นน้ำมันหลักของรัสเซีย  มีการซื้อขายต่ำกว่าราคา 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  แต่นับตั้งแต่เกิดสงคราม ก็ทำให้ราคาน้ำมันอูราลปรับลดลงอย่างรวดเร็วมากกว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์มาตรฐานระดับโลกอย่างมาก จึงอาจไม่ได้รับผลกระทบในช่วงนี้มาก แต่จะมีผลต่อราคาน้ำมันเมื่อปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต 


ทั้งนี้การคว่ำบาตรรัสเซียที่ผ่านมานั้นได้ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงมากในสหภาพยุโรป เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม OPEC รองจากซาอุดีอาระเบีย หรืออันดับ 3 ของโลก และรัสเซียส่งก๊าซให้ยุโรปคิดเป็นสัดส่วน 35% แต่สิ่งที่มีผลกระทบทางอ้อมที่สำคัญ ผลกระทบดังกล่าวเริ่มทำให้โลกเข้าสู่การแบ่งขั้วอำนาจกันมากขึ้น สงครามรัสเซีย-ยูเครนได้ส่งผลให้หลายประเทศในยุโรปลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยเฉพาะลิทัวเนีย จากที่เคยนำเข้าน้ำมันดิบร้อยละ 83 หรือประมาณ 185,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลงเหลือเพียง 1% เท่านั้น ส่วนประเทศอื่น ๆ เช่น ฟินแลนด์ ก็ลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียไปไม่ถึง 10% จากที่เคยนำเข้าน้ำมันในรัสเซียปี 2564 มากถึง 80% ส่วนสเปน อังกฤษ โปรตุเกส สวีเดน ไอซ์แลนด์ ออสเตรีย งดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในปีที่แล้ว แต่ตรงข้ามกับสโลวาเกีย ฮังการี ตุรกี รัฐเช็ก และอิตาลี ที่นำเข้าน้ำมันรัสเซียมากขึ้นจากปี 2564 ส่งผลให้รัสเซียหันไปขายน้ำมันให้อินเดีย จีนและตุรกีเพิ่มมากขึ้น โดยคิดรวมกันเป็น 70% ของน้ำมันดิบรัสเซีย ด้วยข้อเสนอขายราคาน้ำมันในราคาที่ต่ำกว่าน้ำมันดิบเบรนท์ ซึ่งเมื่อต้นปี 2565 รัสเซียส่งออกน้ำมันไปยังอินเดียน้อยกว่า 2% แต่ขณะนี้กำลังจะกลายเป็นซัพพลายเออร์รายเดียวที่ใหญ่ที่สุด ขณะที่รัสเซียได้กลายมาเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดไปยังจีน แทนที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจีนได้เพิ่มปริมาณนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียขึ้นอีก 55%-60% จากหนึ่งปีก่อนหน้า 


แม้ว่าในช่วงฤดูหนาวนั้นด้วยสภาพอากาศที่อาจส่งผลด้านลบต่อการทำสงคราม แต่สงครามรัสเซียและยูเครนยังคงดำเนินต่อไป ทั้งนี้ยูเครนได้ขอรถถังแก่ประเทศต่าง ๆ และจะได้รับรถถัง Leopard 2 จากเยอรมนี จะจัดส่งมา 14 คัน   และคาดว่าจะถึงประมาณปลาย มี.ค. ต้นเดือนเม.ย. ขณะที่สัญญาว่าพันธมิตรในยุโรปจะส่งมารวม 80 คัน  รถถัง Leclerc จะได้รับจากฝรั่งเศส และเจ้ามหาอำนาจใหญ่อย่างสหรัฐ สหรัฐจะส่ง M1 Abrams จำนวน 31 คัน แต่อาจจะใช้เวลาหลายเดือนเช่นกัน และก็ยังมีอีกหลายประเทศกำลังพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นนอร์เวย์ โปรตุเกส สเปน และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งการส่งรถถังของประเทศดังกล่าวอาจช่วยในการพลิกเกม หรือพอต้านทานรัสเซียได้ เนื่องจากรถถังที่ยูเครนจะได้รับคือ M1 Abrams และ Leopard 2 ซึ่งเป็นรถถังที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลก และได้ผ่านการยอมรับมาแล้วในสงครามอิรัก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยูเครนขอรถถังจำนวน 300 คัน แต่ยูเครนยังได้รับไม่ถึง 100 คัน ขณะที่กองทัพรัสเซียมีรถถังประจำการ 2,700 คัน ยังไม่รวมรถถังในคลังอีกเป็นหมื่นคัน ซึ่งมากกว่ายูเครน 1-2 เท่าตัว แต่รถถังของรัสเซียเป็น T-72 เป็นกำลังหลักของรัสเซีย ซึ่งยังมีประสิทธิภาพด้อยกว่ามาก ด้วยประสิทธิภาพและจำนวนของทั้งสองฝ่าย อาจช่วยเสริมให้ยูเครนพอต้านทานรัสเซียได้เบื้องต้น 


ทั้งนี้ผู้นำ 3 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี โปรแลนด์ ฝรั่งเศส ประกาศร่วมมือกันช่วยยูเครนป้องกันตัวเอง พร้อมเรียกร้องให้ชาติพันธมิตรส่งรถถัง และอาวุธไปที่ยูเครน เนื่องจากรถถังที่ยูเครนจะได้รับนั้นยังคงใช้เวลาอีก 2-3 เดือน และด้วยการประกาศของประเทศนานาชาติในการเคียงข้างยูเครนนั้น และระยะเวลาที่ยูเครนจะได้รับรถถัง รวมถึงฤดูหนาวที่เป็นอุปสรรคต่อการทำสงครามใกล้เริ่มผ่านไป อาจเป็นตัวเสริมเร่งให้รัสเซียต้องเดินเกมที่เร็วขึ้นเพื่อเอาชนะยูเครน ทั้งนี้รัสเซียได้เริ่มวางกลยุทธ์ในการทำศึกระยะยาวมากขึ้น และได้มีการซ้อมร่วมรบกับแอฟริกาใต้และจีนด้วยเช่นกันในช่วงไม่นานมานี้ และด้วยสาเหตุหลายปัจจัยส่งผลต่อความกังวลว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจจะกลับมารุนแรงอีกครั้ง โดยเฉพาะช่วงวันครบรอบ 1 ปีที่รัสเซียบุกยูเครนในวันที่ 24 ก.พ.นี้ หรือช่วงฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาทองดีดตัวแรง แล้วอาจทำให้ราคาทองคำกลายเป็นขาขึ้นได้


สัปดาห์นี้คาดว่าราคาทองคำปรับตัวลงไม่มาก และราคาทองคำคาดจะสร้างฐานบริเวณ 1,800 ดอลลาร์ และอาจจะมีการ rebound ขึ้น ทั้งนี้สามารถเข้าซื้อทองคำระยะสั้นบริเวณ 1,800 ดอลลาร์ และ 1,785 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามสามารถเปิดสถานะขายราคาทองคำได้บริเวณ 1,855-1,860 ดอลลาร์ ส่วนสัปดาห์นี้สหรัฐจะมีการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนม.ค. ซึ่งคาดว่าจะชะลอตัวลง จีดีพีไตรมาส 4 (ประมาณการครั้งที่ 2) ดัชนี PMI ภาคผลิตและภาคบริการเดือนก.พ.  ยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค. ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค. นอกจากนี้ติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC


Gold Bullish 

    ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย

    ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ได้แก่ สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน

    หนี้สหรัฐชนเพดานที่ระดับ 31.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

 

Gold Bearish 

    การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น

    การปรับเพิ่มมุมมองคาดการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

    ดอลลาร์แข็งค่า จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาอย่างแข็งแกร่ง


ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่  1,800 ดอลลาร์ และ 1,785 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,855-1,860 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 29,600 บาท และ 29,500 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 29,950 บาท และ 30,000 บาท


ธนรัชต์ พสวงศ์ 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง


ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์

• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD

———————————————————————

ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่ 

• Website : https://bit.ly/TNNWealthWebsite

• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube

• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok

 

หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวแนะนำ