อวสานสายพานซูชิ! หลังวัยรุ่นก่อการร้ายในญี่ปุ่น

ร้านขายซูชิสายพานรายใหญ่ของญี่ปุ่นต่างเร่งยกระดับและเฝ้าระวังความปลอดภัย และป้องกันการทำลายอาหาร หลังคลิปวิดีโอแพร่สะพัดไปทั่วโลกออนไลน์ โดยคลิปดังกล่าวเป็นภาพชายวัยรุ่นรายหนึ่งกระทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมด้วยการเลียปากขวดซอสถั่วเหลืองและถ้วยเปล่า พร้อมใช้นิ้วเปื้อนน้ำลาย จิ้มซูชิที่วางเรียงรายอยู่บนสายพาน และเหตุการณ์นี้ได้รับการขนานนามว่า "การก่อการร้ายซูชิ" (Sushi Terrorism) 

สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชียรายงานว่า ร้านคูระ ซูชิ (Kura Sushi) เฝ้าระวังร้านอาหารทั่วประเทศญี่ปุ่น ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ภายในต้นเดือนมีนาคมนี้ โดย AI จะทำงานผ่านกล้องที่ติดตั้งไว้เพื่อสังเกตการณ์สายพานซูชิ และจะคอยตรวจสอบการเปิดและปิดฝาคลุมจานซูชิที่น่าสงสัย

หลังก่อนหน้านี้ ร้านคูระ ซูชิ ได้ติดตั้งกล้องไว้นับจำนวนจานที่ลูกค้าหยิบไปใช้อยู่แล้ว เพื่อปรับเปลี่ยนจำนวนซูชิที่ส่งไปบนสายพานและคำนวณราคา แต่ต่อไป ระบบดังกล่าวจะถูกดัดแปลงเพื่อให้สามารถตรวจสอบพฤติกรรมที่น่าสงสัย พร้อมแจ้งเตือนพนักงาน

ส่วนบริษัทฟู้ดแอนด์ไลฟ์ (Food & Life) เจ้าของแบรนด์ซูชิโร่ (Sushiro) ธุรกิจซูชิสายพานรายใหญ่อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น จำกัดจำนวนจานที่ส่งไปบนสายพานชั่วคราว และติดตั้งแผ่นอะคริลิคใสระหว่างสายพานและเก้าอี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าสัมผัสจานซูชิ 

ก่อนหน้านี้ ซูชิโระ ประกาศจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ การก่อการร้ายซูชิ ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และ ผู้ปกครองของเด็กรายนี้ได้ออกมาแสดงความขอโทษแล้วก็ตาม แต่สถานีโทรทัศน์นิปปอนทีวีรายงานว่า ลูกค้าบางรายหวาดกลัวจนไม่อยากเข้าใช้บริการร้านซูชิสายพานอีกต่อไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หุ้นบริษัทซูชิโระร่วงอย่างหนัก และสูญเสียมูลค่าตลาดไปถึง 16,800 ล้านเยน

การก่อการร้ายซูชิ มีต่อเนื่องและถูกนำมาเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ เช่น ช่วงต้นเดือนมกราคมมีคลิปวิดีโอ คนแอบใส่วาซาบิลงไปในซูชิบนสายพาน หรือ ผู้ก่อเหตุอีกรายแอบขโมยซูชิที่ลูกค้ารายอื่นสั่งไว้จากสายพาน รวมทั้งมีกลุ่มคนบางส่วนแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในร้านค้าสะดวกซื้อและร้านอาหารในญี่ปุ่น เช่น ชายคนหนึ่งปีนเข้าไปนอนในตู้แช่ไอศกรีมในร้านลอว์สัน ขณะที่พนักงานร้านพิซซ่าฮัทรายหนึ่งนำแป้งพิซซ่ามาโปะใบหน้าตัวเอง

ซึ่งทั้งหมด เป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับคนต่างชาติ เพราะไม่คาดคิดว่า ในสังคมญี่ปุ่นที่ทุกคนมักเคารพกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด จะมีผู้ทำพฤติกรรมเช่นนี้ออกสู่สายตาคนอื่น ๆ บนโลกอินเทอร์เน็ต 

ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE

ที่มาภาพ : TNN