TNN online “JD Central” ทิ้งไทย หลังสู้ศึกอีคอมเมิร์ซไม่ไหวขาดทุนหนัก!

TNN ONLINE

Wealth

“JD Central” ทิ้งไทย หลังสู้ศึกอีคอมเมิร์ซไม่ไหวขาดทุนหนัก!

“JD Central” ทิ้งไทย หลังสู้ศึกอีคอมเมิร์ซไม่ไหวขาดทุนหนัก!

JDCentral เตรียมถอนตัวจากประเทศไทยในวันที่ 3 มีนาคมนี้ หลังทำตลาดไทยมาร่วม 6 ปี เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง และผลขาดทุนจำนวนมาก

เมื่อวานนี้ (30 ม.ค.2566) JD Central ได้ประกาศถึงการยุติการให้บริการในประเทศไทย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป


การตัดสินใจดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของบริษัท JD.com เพื่อมุ่งเน้นในการขยายและพัฒนาธุรกิจในตลาดต่างประเทศ โดยการสร้างเครือข่ายซัพพลายเชนข้ามพรมแดนผ่านการกระจายสินค้าและการขนส่งเป็นหลัก


ในปี 2565 ที่ผ่านมา มีข่าวรูปแบบการถอนตัวของ JDCentral เป็นระยะ เช่น กลุ่ม JD จะถอนตัวเหลือให้ทางเซ็นทรัลเป็นผู้บริหารแทน หรือ กลุ่มเซ็นทรัลเป็นผู้ถอนตัว แล้วให้กลุ่ม JD บริหารต่อไปแทน แต่ท้ายที่สุดทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจ ก็ได้เลือกถอนตัวทั้งคู่ และยุติธุรกิจ E-commerce แบบ Marketplace มาร่วม 6 ปี


JD Central ก่อตั้งเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2560 เป็นความร่วมมือระหว่างเครือเซ็นทรัล กับ JD.com และ JD Finance ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซ และฟินเทคอันดับ 2 ของจีน ในตอนนั้นวางงบลงทุน 17,500 ล้านบาท ร่วมกันลงทุน 2 ธุรกิจหลักในไทยก็คือ อีคอมเมิร์ซ และฟินเทค และทำให้เครือเซ็นทรัลเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซด้วย แม้จะมีช่องทางของตัวเองที่ต่อยอดมาจากห้างสรรพสินค้าแล้วก็ตาม อีกทั้งยังตั้งเป้าหมายขึ้นเป็น เบอร์ 1 ของไทย ก่อนจะขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค


ขณะที่ในตลาดอีคอมเมิร์ซในไทย แบบมาร์เก็ตเพลส มีรายใหญ่ 2 รายจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนอยู่แล้ว คือ Lazada และ Shopee 


การต่อสู้อย่างรุนแรงในตลาดอีคอมเมิร์ซจากรายเดิม รวมทั้งผลประกอบการที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และมีผลขาดทุนจำนวนมาก ตั้งแต่ปี 2560-2564 ประมาณเกือบ 6 พันล้านบาท รวมทั้ง ครอบครัวจิราธิวัฒน์ มีการส่งผู้บริหารในครอบครัว และในเครือเซ็นทรัล เข้ามาทำงานใน JDCentral แต่ในที่สุดก็ลาออกไป หรือ เป็นการเรียนรู้ เพื่อกลับไปบริหารธุรกิจในเครือมากกว่า 


นอกจากนี้ วัฒนธรรมการทำงานของ JD.com ที่นำรูปแบบความสำเร็จจากประเทศจีน ขณะที่เครือเซ็นทรัลมีความเห็นต่าง และมองว่าทาง JD.com ขาดความเข้าใจสังคมและผู้บริโภคคนไทย รวมทั้งมีการปรับโครงสร้างองค์กร เช่น แยกงานการตลาดไปรวมกับฝ่ายบุคคล เอางานฝ่ายขายแยกออกมา และ มีการปลดคนเป็นระยะ 


รวมทั้งความทับซ้อนในการทำออนไลน์ระหว่าง JDcentral กับ เซ็นทรัล รีเทล ฯ หรือ CRC ที่มี Application และการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น ผ่าน Central App และการมีหุ้นใน Grab ประเทศไทย ทำให้ใช้ช่องทาง Grabmart ในการทำการขายสินค้าออนไลน์ในเครือและจัดส่งผ่าน Grab 


ทั้งนี้ เครือเซ็นทรัลได้เคยชี้แจงว่า ลักษณะธุรกิจของ JD Central แตกต่างจากแพลตฟอร์ม Omni Channel ของเซ็นทรัลรีเทลฯ เนื่องจาก JD Central ไม่มีเครือข่ายร้านค้า การให้บริการจึงจำกัดเฉพาะออนไลน์ และไม่สามารถให้บริการผ่านหลากหลายช่องทางในรูปแบบ Omni Channel ได้


แต่เซ็นทรัลสามารถสร้างรายได้จาก JD Central ผ่าน การเป็นซัพพลายเออร์สินค้า / การเป็นร้านค้าหลักบนเว็บสโตร์และแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือของ JD Central / การเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และการส่งสินค้า สำหรับการสั่งซื้อสินค้าผ่าน JD Central 


และเว็บไซต์ JD Central จะมีลิงก์ไปยังเว็บสโตร์ต่างๆ ของเครือเซ็นทรัลเพื่อช่วยสร้างยอดการเข้าชมร้านค้าทางออนไลน์ และเพิ่มยอดขายให้กับเครือเซ็นทรัลอีกด้วย

ในส่วนของ E-commerce รายใหญ่อีก 2 ราย คือ Shopee และ Lazada


โดย Shopee ยังมีผลขาดทุนต่อเนื่อง โดยปี 2561-2564 มีผลขาดทุนประมาณ 4 พันล้านบาท หรือเกือบ 2 หมื่นล้านบาทใน 4 ปี ส่วน Lazada มีผลขาดทุนน้อยกว่า Shopee และในปี 2564-2565 สามารถทำกำไรได้แล้ว


และ ข้อมูลจาก iPrice Thailand ระบุว่า ในไตรมาส 1 ปี 2565 Shopee เป็นเว็บอีคอมเมิร์ซที่มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ต่อเดือนสูงที่สุด ด้วยตัวเลข 56,970,000 ครั้ง ตามด้วย Lazada ที่มีตัวเลข 36,850,000 ครั้ง ขณะที่ JD Central นั้นอยู่อันดับ 4 ตามหลัง Central Online โดยมีตัวเลขอยู่เพียง 2,080,000 ครั้ง


โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ในปีนี้ (2566-ค.ศ.2023) ภาพรวมของตลาดอีคอมเมิร์ซแบบ B2C หรือ ธุรกิจสู่ลูกค้า คาดว่าตลาดอาจขยายตัวราว 4-6% ซึ่งต่ำสุดเมื่อเทียบกับ 3 ปีที่ผ่านมาที่ขยายตัวเฉลี่ย 26% ต่อปี 


ดังนั้นตลาดอีคอมเมิร์ซของไทย จึงยังเป็นการแข่งขันของ 2 รายหลัก คือ Shopee และ Lazada ที่ขณะนี้ Lazada สามารถทำกำไรได้แล้ว 


ส่วนเครือเซ็นทรัล คงกลับไปทำตลาด Omni-Channel ที่เน้นการจำหน่ายสินค้าในเครือ ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง แม้จะยังไม่สามารถทดแทนรายได้จากการค้าปลีกผ่านห้างสรรพสินค้า และ ร้านค้าปลีกหรือหน้าร้านในรูปแบบต่างๆได้ 


ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE

ที่มาภาพ : TNN


ข่าวฮิตติดแท็ก

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง