อวสานปั๊มฝรั่ง! เปิดสาเหตุ "ปั๊มต่างชาติ" โบกมือลาไทย

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการ เข้าซื้อกิจการ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สัดส่วนร้อยละ 65.99 จาก ExxonMobil Asia Holdings ซี่งจะทำให้บางจากได้ทรัพย์สินจากเอสโซ่ รวมกว่า 55,000 ล้านบาท โดยการซื้อกิจการระหว่างบางจากกับเอสโซ่ คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2566 ถึงต้นปี 2567

เช่นเดียวกับปั๊มคาลเท็กซ์ ของกลุ่มเชฟรอน เมื่อ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ใช้เงินลงทุน 5,000 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ โดยการซื้อกิจการของ SPRC กับ คาลเท็กซ์ จะแล้วเสร็จในกลางปี 2567

สำหรับสาเหตุที่ธุรกิจต่างชาติต้องถอนตัวจากธุรกิจปั๊มน้ำมันในไทย เนื่องจากเจอการแข่งขันที่สูง รวมทั้งข้อจำกัดของธุรกิจปั๊มน้ำมันหลายประการ โดยเฉพาะค่าการตลาดและต้นทุนราคาน้ำมัน จากกระทรวงพลังงาน และนโยบายของรัฐบาลในแต่ละช่วง เช่น การตรึงราคาน้ำมันดีเซล การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ฯลฯ โดยเฉพาะโออาร์ ในเครือ ปตท. และ บางจากฯ ปรับลดราคาน้ำมันก่อนรายอื่น ส่วนปั๊มต่างชาติ เช่น เชลล์ จะมีราคาน้ำมันสูงกว่าปั๊มไทย จึงทำให้แม้รายได้ของธุรกิจปั๊มน้ำมันสูง แต่รายได้ที่แท้จริงคือ ค่าการตลาดที่ต่ำมาก เทียบแล้วเพียงร้อยละ 1 ของราคาน้ำมันเท่านั้น สวนทางกับการลงทุนสถานีบริการน้ำมันที่มีต้นทุนสูง ทั้งค่าที่ดิน สถานที่ การก่อสร้าง ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อแห่ง 

เมื่อรายได้จากธุรกิจน้ำมันมาก แต่กำไรต่ำจากค่าการตลาด ทำให้การแข่งขันของธุรกิจปั๊มน้ำมัน จึงเกิดการต่อยอด มาที่ธุรกิจนอนออยล์ (non-oil) หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง คือ การแข่งขันภาพลักษณ์ของปั๊มน้ำมันให้ทันสมัย มีบริการที่หลากหลาย เช่น ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ศูนย์บริการรถยนต์ ไปจนถึงการมีระบบสมาชิก เพื่อให้สิทธิประโยชน์ และเก็บฐานข้อมูลลูกค้า

อย่างไรก็ตามรายได้จากธุรกิจนอนออยล์ (Non-Oil) แม้จะอัตรากำไรสูงกว่าการขายน้ำมัน แต่ยังไม่สามารถชดเชยรายได้จากการขายน้ำมันหรือ สร้างกำไรได้สูงกว่า หากในบางช่วงราคาน้ำมันปรับตัวสูง รวมทั้งหากขาดทุนจากราคาน้ำมันที่ผันผวนได้ ซึ่งปั๊มไทยให้ความสำคัญกับรายได้นอนออยล์ มากกว่าปั๊มต่างชาติ

ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE

ที่มาภาพ : TNN