BYD แซง Tesla ขึ้นแท่นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก!

BYD รายงานว่า ในปี 2022 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถส่งมอบรถยนต์ EV ทุกประเภท ไปได้ทั้งสิ้น 1.86 ล้านคัน โดยแบ่งเป็น รถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือ BEV ราว 9.11 แสนคัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 49 และรถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid อีกราว 9.46 แสนคัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 51

โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวจีนที่ต้องการรัดเข็มขัดค่าใช้จ่ายด้วยการซื้อรถยนต์ราคาถูกที่ผลิตในประเทศ หลังเศรษฐกิจซบเซา ส่วนหนึ่งจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (zero-covid) และการระบาดของโควิดที่กระทบสายพานการผลิต

นอกจากนี้ โครงสร้างราคาของรถยนต์ไฟฟ้า BYD ในประเทศจีน ยังสร้างความได้เปรียบ ทำให้ สามารถเจาะตลาดลูกค้าชนชั้นกลาง และมนุษย์เงินเดือนได้ดี รถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ในประเทศจีน มีราคาอยู่ที่ราว 100,000 - 200,000 หยวน ราว 4.97 - 9.94 แสนบาท

ขณะที่คู่แข่งอย่าง Tesla, Nio และ Xpeng ที่หลายรุ่นมีราคาอยู่ที่ราว 300,000 หยวน หรือราว 1.49 ล้านบาท

ด้าน Tesla พบว่าในปีที่ผ่านมา (2022) สามารถสร้างยอดขายไปได้ 1.31 ล้านคัน น้อยกว่า BYD ร้อยละ 29 

จากรายงานของ CNN สาเหตุที่ทำให้ยอดขาย Tesla ไม่ถึงเป้าในปีนี้คือสัญญาณของภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เริ่มชัดเจนขึ้นในช่วงปลายปี และการตัดสินใจยอมให้ส่วนลดมูลค่า 7,500 ดอลลาร์สหรัฐกับลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย ที่ลดความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อ Tesla และทำให้ราคาหุ้นของ Tesla ตกไปถึงร้อยละ 65 ในปี 2022 ซึ่งเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับ Tesla นับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์มา

อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนปีนี้ (2023) จะมียอดขายที่ลดลงราวร้อยละ 30 จากที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2022 ด้วยยอดขายรวมทั้งสิ้น 6.4 ล้านคัน รวมไปถึงการยกเลิกนโยบายให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลจีนในช่วงเดือนนี้ด้วย 

ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE

ที่มาภาพ :  TNN