TNN online หุ้นตัวไหนเด่น ! ได้ประโยชน์เงินบาท-ดอลลาร์ฯแข็ง

TNN ONLINE

Wealth

หุ้นตัวไหนเด่น ! ได้ประโยชน์เงินบาท-ดอลลาร์ฯแข็ง

หุ้นตัวไหนเด่น ! ได้ประโยชน์เงินบาท-ดอลลาร์ฯแข็ง

บล.กสิกรไทยคัดหุ้นเด่นได้ประโยชน์จากเงินบาทและดอลลาร์แข็งค่า จะเป็นตัวไหนบ้างนั้นตามไปดูกันเลย

บล.กสิกรไทยได้วิเคราะห์ข้อมูลหุ้นเด่นได้ประโยชน์จากเงินบาทและดอลลาร์แข็งค่า  โดยเน้นใน 2 ตัวหลัก  ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้


หุ้นตัวแรกคือ BGRIM เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่อยู่ในรูปแบบ SPP จากกำลังการผลิตทั้งหมดในปี 2565 ที่คาดอยู่ที่ 2,491 MW โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติคิดเป็นสัดส่วนที่ 66% ของกำลังการผลิตรวม ต้นทุนก๊าซธรรมชาติซึ่งคิดเป็น 79% ของต้นทุนการผลิตไฟฟ้ารวมในไตรมาส 2/2565 


นอจากนี้ยังเป็นผู้ประกอบการ SPP มีกลไกปรับค่าไฟฟ้าแบบส่งต่อสำหรับการจัดหาไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่ 70-75% ของ PPA รวมของ BGRIM ราคาขายของไฟฟ้าที่เหลือที่จัดหาให้กับผู้ใช้อุตสาหกรรมสามารถปรับตามการขึ้นค่าไฟของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคซึ่งประกอบด้วยอัตราพื้นฐานและค่า Ft 


ทั้งนี้เราคาดว่า BGRIM จะรายงานงบการเงินไตรมาส 3/2565 ในวันที่ 11 พ.ย. ด้วยผลขาดทุนสุทธิที่ 886 บาท เทียบกับกำไรสุทธิไตรมาส 3/2564 ที่ 447 ลบ. และผลขาดทุนสุทธิไตรมาส 2/2565 ที่ 195 ลบ. เราคาดว่ากำไรสุทธิที่อ่อนตัวลง YoY และ QoQ มีสาเหตุจาก  ราคาก๊าซธรรมชาติที่คาดสูงขึ้นและผลขาดทุนจาก FX ที่ยังไม่รับรู้ที่คาดอยู่ที่ 921 ลบ.


 อย่างไรก็ตาม แม้เราคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติจะสูงขึ้น แต่เราคาดว่า BGRIM จะรายงานกำไรปกติไตรมาส 3/2565 ที่ 35 ลบ. จาก 1) รายได้บริการที่คาดสูงขึ้น 2) ปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่คาดสูงขึ้นและ 3) ค่า Ft เฉลี่ยที่สูงขึ้น 0.31 บาท/kWh QoQ  โดยราคำนวณราคาเป้าหมายอิงด้วยวิธี SOTP ได้ที่ 61.50 บาท การขยายกำลังการผลิตจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตในระยะยาว 


หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ  EGCO เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่ลงทุนในทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากกำลังการผลิตทั้งหมดที่ 5,797 MWe ในไตรมาส 2/2565 กำลังการผลิตในต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนที่ 51% ขณะที่ EGCO มุ่งเน้นไปที่สัญญาซื้อขายไฟฟ้า IPP ในประเทศ หากแบ่งกำลังการผลิตตามประเภทเชื้อเพลิง โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซมีสัดส่วนมากที่สุดที่ 55% ของ Mwe รวม ตามมาด้วยพลังงานหมุนเวียน (23%) และถ่านหิน (22%)  


 อย่างไรก็ตาม คาดว่า EGCO จะรายงานงบการเงินไตรมาส 3/2565 ในวันที่ 11 พ.ย. ด้วยผลขาดทุนสุทธิที่ 1.45 พันลบ. เทียบกับกำไรสุทธิที่ 1 พันลบ. ในไตรมาส 3/2564 และผลขาดทุนสุทธิที่ 777 ลบ. ในไตรมาส 2/2565 เราคาดว่ากำไรสุทธิที่อ่อนตัวลงทั้งในเชิง YoY และ QoQ คาดจะมีสาแหตุจากผลขาดทุนจาก Fx ก้อนใหญ่ที่คาดอยู่ที่ 3.9 พันลบ. หากไม่รวมรายการพิเศษ เราคาดว่ากำไรปกติไตรมาส 3/2565 ของ EGCO จะอยู่ที่ 2.59 พันลบ. ลดลง 19.4% YoY และ 19.6% QoQ จากผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่คาดลดลง 


 ปัจจุบัน EGCO มีสัดส่วนหนี้สินในสกุลเงินต่างประเทศในระดับสูง ได้แก่ 1) เงินกู้ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ 2 พันล้านดอลลาร์ 2) เงินกู้ในสกุลเงินยูโรที่ 408 ล้านยูโรและ 3) เงินกู้ในสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่ 156 ล้านดังนั้น EGCO จึงจะได้ประโยชน์จาก Fx หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศดังกล่าว นอกจากนี้เราคำนวณราคาเป้าหมายอิงด้วยวิธี SOTP ได้ที่ 255 บาท พอร์ตโรงไฟฟ้าของ EGCO มีการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ที่ดีและมีแหล่งเชื้อเพลิงที่หลากหลายที่คาดจะช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจในอนาคต



ที่มาบล.กสิกรไทย 

ภาพประกอบ บล.กสิกรไทย

ข่าวแนะนำ