หุ้นไทยดิ่ง ! ต่างชาติ-สถาบันกระหน่ำเทขาย คัด 3 หุ้นปลอดภัย

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,610.58 จุด  ลบ 10.67 จุด หรือ 0.66%  โดยระหว่างวันดัชนีเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 1,627.30 จุดและต่ำสุดที่ระดับ 1,610.32  จุด   ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 75,038  ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดร่วงเกิดจาก 2 ปัจจัยหลักคือ 1. เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า โดยเมื่อวานนี้ทำจุดสูงสุดใหม่แข็งค่าแตะระดับ 114 จุด ในรอบ 20 ปี กดเงินบาทอ่อนค่าแตะ 37.98  บาทต่อดอลลาร์ นิวไฮใหม่ในรอบ 16 ปี 

2.เงินบาทที่อ่อนค่าทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติชะลอไหลเข้าหุ้นใหญ่ โดยหุ้นที่ปรับตัวลงกลุ่มพลังงานเช่น PTT ลง 0.7% PTTEP ลง 0.9% กลุ่มแบงก์และประกัน เช่น KBANK ลง 3% TLI ลง 4%BBL ลง 2.2 %

ส่วนมูลค่าการซื้อขายวันนี้พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,222.23 ล้านบาทนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,526.22 ล้านบาทบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ  471.95  ล้านบาทนักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 2,276.50 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันพรุ่งนี้ (28ก.ย.) หากขึ้นดอกเบี้ยตามคาด 0.25%ตลาดจะรีบาวด์ แต่ถ้าปรับขึ้น 0.50% เซอร์ไพร์สตลาดจะทำให้ดัชนีร่วง โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยทุก 0.25% กดดัชนีประมาณ 78 จุด  และกรณีที่ผลการประชุมไม่เป็นเอกฉันท์เสียงแตกไล่เรี่ยกันจะเป็น sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น

นอกจากนี้เกาะติดพายุโนรู  ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดี  นายกรัฐมนตรี 8 ปี  ในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ถ้าการเปลี่ยนแปลงไม่เป็นไปตามกรอบที่กฏหมายกำหนดจะเป็น sentiment เชิงลบต่อตลาด การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของยุโรปคาดว่าขยับขึ้น 9.7% จากเดิม 9.1% ถ้าขึ้นมากกว่าจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้น และสิ้นปีดอกเบี้ยยุโรปจะอยู่ที่ 2.25% 

 

ทั้งนี้มองแนวโน้มพรุ่งนี้แกว่งไซด์เวย์ระหว่างรอผลประชุมกนง. กรอบการเคลื่อนไหว 1,600-1,630 จุดซึ่งหากยืน 1,600 จุดไม่ไหวแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,580 จุด

ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้น defensive โดยเฉพาะหุ้นได้ประโยชน์จากน้ำท่วมเช่น HMPRO ([email protected])   Anti Commodities plays ราคาน้ำมันย่อตัวเช่น GPSC(FV@B80) หุ้นท่องเที่ยวรับผลบวกจากเงินบาทอ่อนและจีนเตรียมเปิดประเทศAOT (FV@B80) 

ที่มา นายภราดร เตียรณปราโมทย์  

ภาพประกอบ เก็ตตี้อิมเมจ