เปิด 3 ปัจจัยหนุนทองคำพุ่ง ! นิวไฮรอบใหม่

นายวรุต รุ่งขํา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์หน้ากับ TNNONLINE ว่า  แกว่งไซด์เวย์-ไซด์เวย์อัพ หลังจากในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาราคาทำจุดต่ำสุดที่ 1,786ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์และสูงสุดที่  1,879 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ดังนั้นมองว่าหากไม่มีปัจจัยลบมากดดัน เชื่อว่าทองคำยังปรับขึ้นได้อีกครั้ง

สำหรับ 3 ปัจจัยบวกหนุนราคาทองคำนับจากนี้ไปมาจาก1. ความกังวลโอมิครอนการกลายพันธ์ย่อยใหม่ชื่อว่า BA.4 และ BA.5 เริ่มระบาดหนักในยุโรปและผู้ติดเชื้อมีอาการค่อนข้างหนัก การกลายพันธ์ตัวหนามของโควิดเกาะเซลล์ปอดได้ดี แต่ความรุนแรงเหมือนเดลต้า ซึ่งทำให้ทั่วโลกติดตามการแพร่ระบาดใกล้ชิด เพราะหากกลายพันธุ์มีสัญญาณไม่ดี

จะทำให้คนหันมาซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง ทองคำมากขึ้น

2.ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐได้เสนอต่อสภา ฯ เพื่อให้พิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทจากจีนที่บังคับใช้มาตั้งแต่ยุคอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และยุติสงครามทางการค้า รวมถึงเสนอมาตรการยกเว้นภาษีน้ำมันเป็นการชั่วคราว ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้  

 

นอกจากนี้สหรัฐห้ามนำเข้าสินค้าจากทั้งหมดเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีน  ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น ถ้าเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้นและเสถียรภาพของไบเดนอาจสั่นคลอนก็เป็นแรงหนุนทองปรับตัวขึ้น

3.สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ หลังจากรัสเซียกระหน่ำโจมตีทางอากาศ-ทางบกเมืองมอนปาร์กเพื่อยึดครองให้สำ เร็จ ขณะที่ยูเครนยื่นขอเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อตอบโต้รัสเซีย 

ถ้ามีแนวโน้มพัฒนาเข้าไปอียูและเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ดังนั้นในการประชุมนาโตวันที่ 29 มิ.ย.นี้ที่กรุงมาดริด   ประเทศสเปนอาจจะเห็นถึงมาตรการคว่ำบาตรตอบโต้รัสเซียจากชาติพันธมิตรเพิ่มขึ้นจะทำให้ความตรึงเครียดระหว่างรัสเซียกับนาโตเพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหนึ่งส่งผลต่อราคาทองคำ

สำหรับราคาทองคำแนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงแตะระดับ 1,811 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  (ราคาทองแท่งอยู่ที่ 30,500 บาท) ถ้าไปไม่ถึงหลุดลงมา 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แนวรับต่อไปที่ 1,786 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นโลว์ต่ำสุดในเดือนพ.ค.(ราคาทองแท่งอยู่ที่ 30,300-30,100 บาท คิดอัตราแลกเปลี่ยนที่ 35.53บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) 

ทั้งนี้หากตรงกันข้ามราคาถ้ายืนเหนือ 1,811 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ปรับตัวขึ้นไปต่อแนวต้านที่ 1,848 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  (ราคาทองแท่งอยู่ที่ 31,100 บาท) และแนวต้านต่อไปที่ 1,865 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (ราคาทองแท่งอยู่ที่ 31,400 บาท) ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของสัปดาห์ก่อน 

อย่างไรก็ตามถ้าผ่านจุดนี้ไปได้มีโอกาสขึ้นไป  1,888 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  (ราคาทองแท่งอยู่ที่ 31,650 บาท) จากเดิมในเดือนต้นเดือนทำราคาสูงสุดที่ 1,879  ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และเดือนพ.ค.อยู่ที่ 1,909  ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

นอกจากนี้หากย้อนกลับไปดูสถิติปี 63 ย้อนหลังเทียบกับราคาในปี 65 พบว่า 

-  ในปี 63 ราคาต่างประเทศเคยทำจุดสูงสุดที่  2,075  ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แต่ราคาทองแท่งอยู่ที่  31,300 บาท เงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 33.80    บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

-  มี.ค. 65 ราคาต่างประเทศเคยทำจุดสูงสุดที่ 2,069 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แต่ราคาทองแท่งอยู่ที่  31,400 บาท เงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 34   บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

-เม.ย. 65 ราคาต่างประเทศเคยทำจุดสูงสุดที่ 1,998 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แต่ราคาทองแท่งอยู่ที่  31,700 บาท เงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 34.48   บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

" ที่ผ่านมาเฟดขึ้นดอกเบี้ยได้กดราคาทองคำลงไปในระดับหนึ่งแล้วแต่เชื่อว่าปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศและค่าเงินบาทอ่อนค่ายังหนุนใหราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปต่อได้และทำให้ทองคำสามารถทำจุดนิวไฮรอบใหม่" 

ที่มา นายวรุต รุ่งขํา   

ภาพประกอบ  วายแอลจี