TNN online จับตาสถานการณ์ยูเครน-ผลประกอบการ บจ.-ส่งออกไทย กระทบเงินบาทสัปดาห์หน้า

TNN ONLINE

Wealth

จับตาสถานการณ์ยูเครน-ผลประกอบการ บจ.-ส่งออกไทย กระทบเงินบาทสัปดาห์หน้า

จับตาสถานการณ์ยูเครน-ผลประกอบการ บจ.-ส่งออกไทย กระทบเงินบาทสัปดาห์หน้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยค่าเงินบาท อ่อนค่า แนะจับตาสัปดาห์นี้ สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ผลประกอบการ บจ. และสถานการณ์ส่งออกไทย คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 33.50-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ

วันนี้( 17 เม.ย.65) ธนาคารกสิกรไทย ประเมินความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า (18-22 เม.ย.) คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.50-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนมี.ค.ของไทย สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ


ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และดัชนีเบื้องต้นของ PMI เดือนเม.ย. ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. รายงาน Beige Book ของเฟด และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนเม.ย. ของธนาคารกลางจีน และข้อมูลเศรษฐกิจจีน อาทิ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/65 และตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.


ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เงินบาทยังคงมีทิศทางอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ เงินบาทอ่อนค่าทดสอบแนว 33.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ของตลาดในประเทศ โดยการอ่อนค่าของเงินบาทสอดคล้องกับทิศทางของค่าเงินเยนและสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่ปรับแข็งค่าขึ้นตามการปรับขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดมีท่าทีสนับสนุนความเป็นไปได้ที่จะมีการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในรอบการประชุมใกล้ๆ นี้เพื่อสกัดการทะยานขึ้นของเงินเฟ้อสหรัฐฯ นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสถานะขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน


โดย ค่าเงินบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา (12 เม.ย.)  อ่อนค่าทดสอบแนว 33.70 ก่อนจะกลับมาปิดตลาดที่ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (8 เม.ย.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 11-12 เม.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยเพียง 347.29 ล้านบาท และมีสถานะเป็น NET OUTFLOW ในตลาดพันธบัตร 6,710.30 ล้านบาท (มาจาก การขายสุทธิพันธบัตร 3,510.30 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 3,200 ล้านบาท)


ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย 

ภาพประกอบ: AFP ,TNN ONLINE 

ข่าวแนะนำ