โจ ไบเดน จากชายผู้สูญเสีย สู่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของอเมริกา
ทราบไหมว่า โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ เคยผ่านความสูญเสียครั้งใหญ่ จนเกือบจะจบชีวิตตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง
“โจ ไบเดน” ฉายา “ลุงโจ” ผู้สมัครประธานาธิบดีพรรคเดโมแครตส์ในปีนี้ เคยเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 เคยลงชิงตัวแทนพรรคเดโมแครตส์ทั้งหมด 3 ครั้ง และเพิ่งประสบความสำเร็จในครั้งที่ 3 ในปีนี้ ด้วยวัย 77 ปี หากชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้ ไบเดนจะสร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
โจ ไบเดน มีชื่อเต็มว่า โจเซฟ โรบิเน็ต ไบเดน จูเนียร์ เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนปี 2485 ที่เมืองสแครนตัน รัฐเพนซิลเวเนีย ปัจจุบันอายุ 77 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์และประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดลาแวร์ และสำเร็จการศึกษาด้านนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ รัฐนิวยอร์ก
ไบเดนเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นทนายความ ก่อนจะเข้าสู่วงการเมืองในปี 2515 โดยชนะเลือกตั้งได้เป็นวุฒิสมาชิกรัฐเดลาแวร์ด้วยวัยเพียง 29 ปี นับเป็นวุฒิสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
และยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นวุฒิสมาชิกรัฐเดลาแวร์ถึง 6 สมัย ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐเดลาแวร์ ไบเดนยังเป็นรองประธานาธิบดี ในสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบาม่า อีก 8 ปี เขาจึงเป็นนักการเมืองผู้คร่ำหวอดและมีประสบการณ์ทางการเมืองยาวนานหลายทศวรรษ ซึ่งได้ช่วยเติมเต็มให้แก่โอบาม่า ผู้อ่อนประสบการณ์ทางการเมือง ตลอดเวลา 8 ปีในทำเนียบขาว
ความแข็งแกร่งด้านการต่างประเทศของไบเดน จากการที่เขาเคยนั่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศวุฒิสภาสหรัฐ 2 ครั้ง รวม 4 ปี และยังเป็นประธานคณะกรรมาธิการยุติธรรมของวุฒิสภาสหรัฐนาน 8 ปี ทำให้ไบเดนช่วยกำหนดนโยบายสำคัญทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงผลงานโดดเด่นที่สุดของโอบาม่า นั่นคือ กฎหมายประกันสุขภาพ “ แอฟฟอร์ดดะเบิล แคร์ แอคท์” (Affordable Care Act) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ กฎหมายโอบาม่าแคร์
ไบเดนยังช่วยวางนโยบายต่างประเทศเกี่ยวกับอิรัก ซึ่งรวมถึงการถอนทหารออกจากอิรักในปี 2554 และการสนับสนุนองค์การนาโต้ให้แทรกแซงทางทหารในลิเบียในปีเดียวกันนั้น ผลงานที่โดดเด่นของไบเดนคือ การผลักดันร่างกฎหมายต่อต้านความรุนแรงต่อสตรี ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2537 ถึงปี 2561 และการช่วยยกร่างกฎหมายต่อต้านอาชญากรรม ที่แบนอาวุธปืนนาน 10 ปี และสิ้นสุดไปในปี 2547
ในด้านครอบครัว ไบเดนสมรส 2 ครั้ง มีบุตรทั้งหมด 4 คน มีบุตร 3 คนกับภรรยาคนแรก และ 1 คนกับจิล ไบเดน ภรรยาคนปัจจุบัน ไบเดนสูญเสียภรรยาคนแรกไปพร้อมกับลูกสาววัยเพียงขวบเดียว จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โศกนาฏกรรมในครั้งนั้น เกือบจะทำให้ไม่มีไบเดนในวันนี้ เพราะเขาคิดที่จะฆ่าตัวตายตาม ปีนั้นเป็นปีที่ไบเดนเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นวุฒิสมาชิกรัฐเดลาแวร์เป็นครั้งแรก แม้จะล้มเลิกความคิดฆ่าตัวตัว แต่ไบเดนต้องการสละตำแหน่ง แต่ในที่สุด เขาตัดสินใจทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งวุฒิสมาชิก จากห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาล ซึ่งลูกชายทั้งสองของเขายังรักษาตัวอยู่ หลังรอดชีวิตจากอุบัติเหตุเดียวกัน
ไบเดนได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายที่ดีและเป็นแฟมิลี่แมน เขาต้องเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงดูลูกชาย 2 คน เขาไม่ต้องการย้ายลูกทั้งสองไปจากรัฐเดลาแวร์ เพราะไม่ต้องการให้ลูกสูญเสียรากเหง้า ไบเดนจึงต้องใช้วิธีนั่งรถไฟไปกลับระหว่างวอชิงตันกับเดลาแวร์ทุกวัน เพื่อจะได้กลับไปอยู่กับลูกทุกๆ วัน เขาทำเช่นนี้เป็นเวลานานถึง 36 ปี ตลอดเวลาที่เขาเป็นวุฒิสมาชิกรัฐเดลาแวร์ 6 สมัย
ด้วยวัยที่สูงถึง 77 ปี ทำให้คาดกันว่า หากไบเดนชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนี้ เขาคงจะไม่ลงเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ในการเลือกตั้งครั้งหน้าในปี 2567