“รัสเซีย-ยูเครน” ดันราคาน้ำมันพุ่งเกิน 100 เหรียญฯ นาน 30 วัน

กกร.คาด วิกฤต "รัสเซีย-ยูเครน"ดันราคาน้ำมันดิบพุ่งเกิน 100 เหรียญฯ นาน 20-30 วัน ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนสินค้าทั้งประเทศปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการบางรายตรึงราคาสินค้าไม่ไหว ทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าบางรายการ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ได้แก่ ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า คาดว่าสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน จะยือเยื้อกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นสูงสู่ระดับ 100 สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี และคาดว่าราคาน้ำมันจะไม่ลดลงเร็ว โดยจะอยู่ที่ราคาเกิน 100 สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลต่อไปอีก 20-30 วัน

ทั้งนี้การที่น้ำมันขึ้นราคา จะส่งผลต่อการปรับเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในประเทศหรือไม่นั้น เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละรายว่าจะสามารถรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นได้มากน้อยเพียงใด โดยยอมรับว่าขณะนี้จากปัญหาต้นทุนทั้งน้ำมัน ค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้น ค่าตู้คอนเทนเนอร์ เป็นต้น จึงมีการทยอยปรับราคาสินค้าบางรายการบ้างแล้ว จากก่อนหน้าที่คาดว่าจะตรึงราคาได้ 2-3 เดือน

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กกร.เองมีความกังวลต่อระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่อาจขยับไปสู่ระดับ 120 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลจากความตึงเครียดของสถานการณ์ในยูเครน ซึ่งจะกระทบให้ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยขึ้นไปอีก 6 บาทต่อลิตร ซึ่งจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตภาพรวมของไทย ขณะที่ในระยะสั้นยังส่งผลให้ข้าวสาลีที่เป็นวัตถุดิบการผลิตอาหารสัตว์เกิดภาวะขาดแคลนด้วย เนื่องจากยูเครนเป็นผู้ส่งออกหลัก

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกกิตติคุณสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า สิ่งที่กังวล หลังจากเกิดความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน คือ ราคาพลังงาน ราคาปุ๋ย และอาหารสัตว์ ที่ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น ส่วนกรณีจะมีการปรับราคาอาหารสัตว์ในประเทศเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น มองว่า ถ้าราคาต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น อาจต้องปรับราคาสินค้าตาม แต่ต้องอยู่ในอัตราที่เหมาะสม

#รัสเซียยูเครน #น้ำมัน #คว่ำบาตร #TNNWealth #TNNช่อง16