TNN online นมสังเคราะห์ ว่าที่อาหารพลิกโลกเพื่อความมั่นคงทางอาหารและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ​​​​​​

TNN ONLINE

Tech

นมสังเคราะห์ ว่าที่อาหารพลิกโลกเพื่อความมั่นคงทางอาหารและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ​​​​​​

นมสังเคราะห์ ว่าที่อาหารพลิกโลกเพื่อความมั่นคงทางอาหารและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ​​​​​​

ทำความรู้จักนมสังเคราะห์ เทคโนโลยีทางอาหารแบบใหม่ที่เกิดขึ้นมาเพื่อความมั่นคงทางอาหารและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม

นม เป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ยอดนิยมในหลายครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็นนมวัว ไปจนถึงนมแพะหรือแม้แต่นมวัว แต่กระบวนการผลิตนมจากสัตว์นั้นสร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เช่นก๊าซมีเทน เป็นปริมาณมาก ทำให้กระแสการผลิตนมแบบใหม่ที่เรียกว่านมสังเคราะห์ (Synthetic Milk) เป็นที่พูดถึงมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันก็มีการต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด รวมไปถึงนมจากแมลงสาบอีกด้วย


นมสังเคราะห์คืออะไร


นมสังเคราะห์ (Synthetic Milk) คือนมที่ได้จากการผลิตในห้องทดลอง หรือกระบวนการผลิตที่ไม่ได้มาจากกระบวนการทางธรรมชาติของสัตว์ แต่ยังคงลักษณะโครงสร้างทางเคมีให้เทียบเคียงกับนมจากธรรมชาติมากที่สุด โดยนมเป็นของเหลวที่เรียกว่าสารแขวนลอยซึ่งผสมไปด้วยเวย์โปรตีน (Whey Proteins) วิตามิน น้ำตาล และรหัสพันธุกรรม (DNA)


นมสังเคราะห์เป็นที่พูดถึงในงานวิจัยมาหลายปีแล้ว ยกตัวอย่างเช่นงานวิจัยในปี 2018 จากวารสารวิทยาศาสตร์อีโวลูชัน แอนด์ เดเวลอปเมนต์ (Evolution & Development) ที่ค้นพบวิธีสร้างนมจากโปรตีนของแมลงสาบ ส่วนในปัจจุบันนั้นมีบริษัทสตาร์ตอัปได้ผลิตและสร้างตลาดนมสังเคราะห์จากหลากหลายที่มาอีกด้วย


นมสังเคราะห์ผลิตจากอะไรบ้าง


แมลงสาบเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ถูกพูดถึง เนื่องจากแมลงสาบสายพันธุ์ไดโพลเทอรา ฟังก์ทาตา (Diploptera functata) สามารถสร้างสารที่ประกอบไปด้วยผลึกโปรตีนซึ่งสามารถแปลงเป็นนมได้ อีกทั้งยังกล่าวอ้างว่ามีคุณค่าทางสารอาหารมากกว่านมจากสัตว์ทุกชนิด และมากกว่านมวัวถึง 4 เท่า โดยการรีดนมแมลงสาบจะต้องเป็นช่วงผสมพันธุ์ของแมลงสาบสายพันธุ์พิเศษนี้จากการฆ่าและรีดนมจากซาก ซึ่งต้องใช้แมลงสาบนับพันตัวเพื่อให้ได้นมประมาณ 3.3 ออนซ์ หรือประมาณ 100 มิลลิลิตร


อย่างไรก็ตาม การผลิตนมจากแมลงสาบเต็มไปด้วยข้อจำกัดและคำถามว่าสามารถนำมาเป็นนมเพื่อการบริโภคได้จริงหรือไม่ ในปัจจุบัน การผลิตนมสังเคราะห์จึงเลือกผลิตจากเนื้อสังเคราะห์ และการเพาะเลี้ยงนมจากเซลล์ต้นกำเนิด หรือที่เรียกว่า Cell-based Milk


นมสังเคราะห์ Cell-based Milk 


นมเซลล์เบสด์ (Cell-based Milk) เป็นนมสังเคราะห์จากการเพาะเลี้ยงเซลล์ (Cell) สัตว์ให้กลายเป็นนม ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ลักษณะ คือ การวิเคราะห์โครงสร้างทางเคมีและผลิตขึ้นมาใหม่ในเชิงอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่นบริษัท เทอร์เทิล ทรี แล็บส์ (Turtle Tree Labs) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้หลักการนี้ในการทำนมของบริษัทตั้งแต่ปี 2019 โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างสารเคมีที่ชื่อว่าแลกโตเฟอร์รีน (Lactoferrin) ซึ่งพบในนมของมนุษย์เป็นเป้าหมายแรกก่อนมุ่งสู่การผลิตนมสังเคราะห์


หลักการคล้ายกันนี้ยังพบได้ในเหล่าสตาร์ตอัปด้านฟู้ดเทค (Food Tech Startup) ทั่วโลก เช่น บริษัท โอพาเลีย (Opalia) ในแคนาดาที่ระดมทุนกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 33 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา รวมไปถึงบริษัทเซนทรัล บอตทลิง (Central Bottling) ผู้ผลิตน้ำอัดลมรายใหญ่ของอิสราเอล ก็ได้ตั้งบริษัท วิลค์ (Wlik) ขึ้นมาด้วยเงินลงทุนกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 66 ล้านบาท 


ในขณะอีกหลักการหนึ่งเกิดขึ้นที่บริษัท เอเดน บรูว (Eden Brew) จากออสเตรเลีย ใช้วิธีการทำให้เซลล์ (Cell) เติบโตด้วยยีสต์ (Yeast) ที่เป็นส่วนประกอบเดียวกันกับการใช้ทำเบเกอรี่ (Bakery) และไวน์ โดยยีสต์จะได้รับการหมักให้เติบโตและผลิตสารพันธุกรรม (DNA) เฉพาะออกมา (สารพันธุกรรมเป็นโปรตีนประเภทหนึ่ง) ผลผลิตที่ได้ก็จะถูกรวมกับน้ำและน้ำตาลเพื่อให้ได้นมสังเคราะห์ออกมา


การขาดอาหารและโลกร้อนทำให้นมสังเคราะห์เติบโตอย่างต่อเนื่อง


ผลิตภัณฑ์นมสังเคราะห์จากหลายบริษัทนั้นวางแผนวางจำหน่ายในร้านซูเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket) ท้องถิ่นในช่วงปี 2024 - 2025 พร้อมกับวางแผนผลิตโยเกิร์ตและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากนมอีกด้วย ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าตลาดนมนั้นพร้อมอ้าแขนเปิดรับนมรูปแบบใหม่ ๆ จากความต้องการนมที่ไม่มีที่สิ้นสุด


ประชากรมากกว่า 80% ของโลกบริโภคนมจากวัว ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตวัวเพื่อทั้งนมและเนื้อใช้พื้นที่มากกว่า 2 ตารางวาต่อการผลิตนม 1 ลิตร และสร้างก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 3 กิโลกรัมต่อลิตร และยังใช้น้ำสะอาดในการผลิตนม 1 ลิตร มากถึง 628 ลิตร อีกด้วย และคาดว่าตัวเลขเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นตามความต้องการการบริโภคนมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก 


แต่แน่นอนว่าที่ดินในการทำฟาร์มวัวนั้นย่อมมีจำกัด และสถานการณ์ภาวะโลกร้อนในปัจจุบันบีบให้การทำฟาร์มวัวต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสัดส่วนร้อยละ 3.4 ของก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกด้วยเช่นกัน 


ดังนั้น การผลิตนมสังเคราะห์จึงกลายเป็นคำตอบของปัญหาทั้ง 2 ประการ เพราะการศึกษาวิจัยพบว่าการผลิตนมสังเคราะห์จะลดพื้นที่การผลิตและปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาได้ถึง 99% นั่นหมายความว่าในพื้นที่เดิมที่เคยทำฟาร์มวัวหากแปลงให้เป็นพื้นที่โรงงานสังเคราะห์นมก็จะสามารถผลิตนมได้มากกว่าเดิมถึง 10 เท่า 


อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตในปัจจุบันของนมสังเคราะห์อาจจะยังไม่มากนัก จึงอาจจะเร็วเกินไปที่จะสรุปว่านมสังเคราะห์จะมาแทนที่นมจากวัวในตอนนี้ โดยความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดผลิตภัณฑ์นมในออสเตรเลียเชื่อว่า ถ้าต้องการให้ตลาดนมสังเคราะห์เติบโตจะต้องผลักดันไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารที่ใช้นมผงเป็นวัตถุดิบหลัก จึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงได้ในอนาคต


ที่มาข้อมูล MIT Press, The Guardian, Hackaday, OpenmindBBVA, ScienceAleart, Daliy BeastIFL Science

ที่มารูปภาพ Pixabay

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง