ประมวลภาพพิธีเปิด 'พาราลิมปิกเกมส์ 2020' ที่ประเทศญี่ปุ่น
พาราลิมปิกเปิดฉากแล้ว ‘พงศกร – สุบิน’ ถือธงนำทัพไทยเข้าพิธีเปิด พร้อมประมวลภาพพิธีเปิดสุดยิ่งใหญ่แบบจุใจ
มหกรรมกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2020 “พาราลิมปิก โตเกียว 2020” เปิดฉากการแข่งขันอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม โดยพิธีเปิดอย่างเป็นทางการมีขึ้นที่สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “โควิด-19” มีผู้ชมเข้าสนามได้ 75 คน
พิธีเปิดมี สมเด็จพระจักรพรรดิ นารุฮิโตะ เสด็จเป็นประธานพิธีเปิด พร้อมด้วย โธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) แอนดรูว พาร์สันส์ ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกสากล (ไอพีซี) เริ่มจากสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะแห่งญี่ปุ่น ประกาศถ้อยคำแถลงการแข่งขัน “พาราลิมปิก โตเกียว 2020” โดยทางญี่ปุ่น และไอพีซี นำเสนอรูปแบบพิธีเปิดแสดงถึง “การก้าวไปข้างหน้าด้วยกันด้วยปีกของเรา” เป็นการสร้างจิตสำนึกในความกล้าหาญของนักกีฬาพาราลิมปิกที่พยายามจะกางปีกไม่ว่าลมจะพัดไปทางไหน ต่อด้วยการแสดงของทางเจ้าภาพที่เน้นสื่อความหมายถึงการจับมือกันของมวลหมู่ชาติสมาชิกพาราลิมปิกเกมส์ การให้เกียรติ และความกล้าหาญของนักกีฬา ความสามัคคีกันโดยใช้ดนตรีเป็นสื่อถึงเสียงของความปรองดอง สมานฉันท์ ภายใต้คอนเซปต์ “หลากทำนองสอดประสาน”
จากนั้นเข้าสู่ขบวนพาเหรดของทัพนักกีฬาจาก 183 ประเทศเข้าสู่สนาม โดยทัพนักกีฬาไทย เดินเข้าสู่สนามเป็นลำดับที่ 91 มี พล.ต.โอสถ ภาวิไล หัวหน้าคณะนักกีฬาพาราลิมปิกไทย นำขบวน และมี “กร” พงศกร แปยอ นักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งเจ้าของ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน พาราลิมปิกเกมส์ 2016 วัย 25 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น และ “นก” สุบิน ทิพย์มะณี นักกีฬาบอคเซียเจ้าของเหรียญทองประเภททีมบีซี 1-2 พาราลิมปิกเกมส์ 2016 ร่วมกันถือธงไตรรงค์นำคณะนักกีฬาไทยเข้าสู่สนามเพื่อแสดงออกถึงความเท่าเทียมกันทางเพศ จากนั้นนักกีฬาทุกชาติร่วมกันประกาศสัตยาบันร่วมกันให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ความสามัคคีกัน รักใคร่ปรองดอง ก่อนที่จะมีพิธีจุดไฟในกระถางคบเพลิงซึ่งเจ้าภาพเน้นเรียบง่าย และปิดท้ายที่การจุดพลุไฟเฉลิมฉลองเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
สำหรับทัพนักกีฬาไทยเข้าร่วมการแข่งขัน “พาราลิมปิก โตเกียว 2020” จำนวนทั้งสิ้น 74 คน จาก 14 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย เทควันโด, ยิงธนู, แบดมินตัน, วีลแชร์ฟันดาบ, ยกน้ำหนัก, ว่ายน้ำ, เทเบิลเทนนิส, กรีฑา (ประเภทลู่, ลาน,วีลแชร์เรซซิ่ง), จักรยาน, ยิงปืน, วีลแชร์เทนนิส, บอคเซีย, ฟุตบอลคนตาบอด และยูโด ขอเชิญชวนคนไทยร่วมส่งกำลังใจเชียร์ฮีโร่นักกีฬาพาราลิมปิกไทย ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม – 5 กันยายน 2564 โดยสามารถรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทาง AIS PLAY, สถานีทีวีกีฬา ทีสปอร์ต (T-SPORTS CHANNEL) ช่องทีวีดิจิตอลหมายเลข 7
โดยฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ตั้งเป้าคว้า 6 เหรียญทองจากกลุ่มนักกีฬาดังต่อไปนี้ บอคเซีย ได้แก่ วิษณุ ฮวดประดิษฐ์, วรวุฒิ แสงอำภา, วัชพล วงษา / วีลแชร์เรซซิ่ง ได้แก่ พงศกร แปยอ, ประวัติ วะโฮรัมย์ / ยิงธนู ได้แก่ คมสัน สิงห์ภิรมย์, อานนท์ อึ้งอภินันท์ / เทเบิลเทนนิส ได้แก่ รุ่งโรจน์ ไทยนิยม, เฉลิมพงษ์ พันธุ์พู่ / เทควันโด ได้แก่ ขวัญสุดา พวงกิจจา
นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รู้สึกยินดีมากที่ได้เห็นนักกีฬาพาราไทยได้เข้าไปแข่งขันในสุดยอดทัวร์นาเมนท์กีฬาของผู้พิการอย่าง พาราลิมปิกเกมส์ ซึ่งมาตรฐานกีฬาคนพิการไทยก็อยู่ในระดับแถวหน้าของโลก ทั้งนี้เป็นผลจากการร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาตลอดกว่า 10 ปี ของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก สมาคมกีฬาคนพิการทั้ง 5 สมาคม สมาคมกีฬาคนพิการ, สมาคมกีฬาคนพิการทางสมอง, สมาคมกีฬาคนพิการทางปัญญา, สมาคมกีฬาคนตาบอด, สมาคมกีฬาคนหูหนวก และ องค์กรภาครัฐ อย่าง กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย รวมถึงหน่วยงานภาคเอกชน อาทิ สิงห์ โตโยต้า บริดจ์สโตน ปตท. เอฟบีที ทรู ซีพี ซิตี้แบงก์ ซึ่งการออกไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติครั้งนี้ เชื่อว่าจะนำความภาคภูมิใจกลับมาให้คนไทยทุกคนอีกครั้ง ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นจะเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างไม่ย่อท้อเหมือนกับที่ทัพนักกีฬาของเราได้แสดงให้เห็น
ประธานพาราไทยกล่าวต่ออีกว่า “ครั้งนี้นักกีฬาของเราได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันถึง 74 คนจาก 14 ชนิดกีฬา มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จากการร่วมกันพัฒนานักกีฬาคนพิการของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้มีนักกีฬาดาวรุ่งหน้าใหม่เกิดขึ้นมาหลายคน ซึ่งในอนาคตอันใกล้เชื่อว่าประเทศไทยจะมีนักกีฬาคนพิการที่โลกให้การยอมรับมากยิ่งขึ้น สุดท้ายอยากฝากกำลังใจถึงนักกีฬาทุกคนว่า ขอให้ทุกคนมั่นใจในตัวเอง และก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ผมเชื่อว่าพวกคุณทุกคนทำได้ ช่วยกันสร้างรอยยิ้มและความภูมิใจให้กับพี่น้องชาวไทย”