สมรภูมิ E-Wallet ในไทย ใครบ้างที่ยังอยู่รอดในปัจจุบันนี้

ในยุคปัจจุบันคนไทยเริ่มคุ้นเคยกับสังคมไร้เงินสดกันมากขึ้น จะซื้อของจับจ่ายอะไรก็ใช้วิธีสแกนจ่าย แพลตฟอร์ม E-Wallet แต่ละเจ้าใหญ่หลักๆ ที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบันเหลือใครบ้าง 

1. True Money Wallet เริ่มต้นให้บริการก่อนใครตั้งแต่ ปี 2556 มีผู้ใช้มากถึง 24 ล้านคน ให้บริการตั้งแต่ โอนเงิน จ่ายเงินชำระสินค้าที่ร้าน 7-Eleven จ่ายบิล ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และชำระสินค้าร้านค้าออนไลน์ก็ได้เทียบเท่าบัตรเดบิต ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่ลูกค้าสามารถชำระสินค้าได้เองผ่านมือถือ

2. Rabbit Line Pay เป็นความร่วมมือระหว่าง 2 บริษัท คือ Rabbit และ Line มีผู้ใช้บริการ 8 ล้านคน สามารถใช้ชำระค่าบัตรรถไฟฟ้า ซื้อสินค้าจากร้าน Family Mart, Lawson จ่ายบิลค่าน้ำ ค่าไฟ เติมเงิน Easy Pass และซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ได้

3. แอปเป๋าตัง เริ่มต้นให้บริการ ปี 2561 มีผู้ใช้มากถึง 40 ล้านคน เริ่มต้นจากจังหวัดนครปฐมเป็นโมเดลสังคมไร้เงินสดแบบแค่สแกนจ่ายชำระสินค้า แต่ตอนหลังรัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการออกมาตรการให้มีโครงการคนละครึ่ง, เราเที่ยวด้วยกัน ซื้อสลากออนไลน์ เพื่อแก้ไขปัญหาขายสลากเกินราคา และอื่นๆ จึงพัฒนาให้เป๋าตังผุกกับบัญชีธนาคาร แต่ที่ทำให้แอปเป๋าตังมียอดผู้ใช้บริการโตขึ้นแบบก้าวกระโดดก็มาจากโครงการคนละครึ่งนั่นเอง

จากกการคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยมองว่าในปี 2568 การใช้เงินแบบ E-Wallet จะเติบโตขึ้นไปอีก 3 เท่า จากผู้ใช้ 15 ล้านราย จะกลายเป็น 45.3 ล้านราย และจะมีการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่า จาก 492 ล้านครั้งเป็น 3.7 พันล้านครั้ง มูลค่าการทำธุรกรรมผ่าน Mobile Wallet จาก 10.6 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ จะกลายเป็น 36.7 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ 

โดย True Money Wallet ผู้นำในตลาดนี้ในปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ร้อยละ 50 ซึ่งในปัจจุบัน True Money Wallet สามารถใช้ได้ครอบคลุมถึง 6 ประเทศ ในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์