TNN online เช็กมาตรการ ต้อนรับ 46 ประเทศเข้าไทยไม่ต้องกักตัว และ 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว

TNN ONLINE

เกาะติด COVID-19

เช็กมาตรการ ต้อนรับ 46 ประเทศเข้าไทยไม่ต้องกักตัว และ 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว

เช็กมาตรการ ต้อนรับ 46 ประเทศเข้าไทยไม่ต้องกักตัว และ 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว

เช็กมาตรการเปิดประเทศ พร้อมต้อนรับ 46 ประเทศ เดินทางเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัวตามเงื่อนไข พร้อมเผยรายชื่อ 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว ยกเลิกเคอร์ฟิว มีผล 5 ทุ่ม 31 ต.ค.นี้

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศ คำสั่ง  ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 18/2564 เรื่อง พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548


ทั้งนี้ พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวมีทั้งหมด 17 จังหวัด ดังนี้


1.กรุงเทพมหานคร

2.จังหวัดกระบี่

3.จังหวัดชลบุรี (เฉพาะ อ.บางละมุง เมืองพัทยา ศรีราชา เกาะสีชัง และสัตหีบ เฉพาะ ต.นาจอมเทียน และ ต.บางเสร่)

4.จังหวัดเชียงใหม่ (เฉพาะ อ.เมืองเชียงใหม่ ดอยเต่า แม่ริม และแม่แตง)

5.จังหวัดตราด (เฉพาะ อ.เกาะช้าง)

6.จังหวัดบุรีรัมย์ (เฉพาะ อ.บุรีรัมย์)

7.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (เฉพาะ ต.หัวหิน และ ต.หนองแก)

8.จังหวัดพังงา

9.จังหวัดเพชรบุรี (เฉพาะเทศบาลเมืองชะอำ)

10.จังหวัดภูเก็ต

11.จังหวัดระนอง (เฉพาะเกาะพยาม)

12.จังหวัดระยอง (เฉพาะเกาะเสม็ด)

13.จังหวัดเลย (เฉพาะ อ.เชียงคาน)

14.จังหวัดสมุทรปราการ (เฉพาะบริเวณพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ)

15.จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า)

16.จังหวัดหนองคาย (เฉพาะ อ.เมืองหนองคาย สังคม ศรีเชียงใหม่ และท่าบ่อ)

และ 17.จังหวัดอุดรธานี (เฉพาะ อ.เมืองอุดรธานี บ้านดุง กุมภวาปี นายูง หนองหาน และประจักษ์ศิลปาคม)


ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่าง


อย่างไรก็ตาม ให้ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวซึ่งเดิมเคยกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จากการจำแนกจังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ แต่ได้มีคำสั่งกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่นำร่อง ด้านการท่องเที่ยวตามข้อกำหนดนี้ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 31 ต.ค.2564




พร้อมต้อนรับ 46 ประเทศ


นายธานี ทองภักดี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการมาตรการการเดินทางเข้าออกประเทศ และการดูแลคนไทยในต่างประเทศ (ศปก.กต.) ได้ลงนามในประกาศศูนย์ปฏิบัติการมาตรการการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศ เรื่อง การกำหนดรายชื่อประเทศและพื้นที่ต้นทางที่อนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร สำหรับบุคคลประเภท (13) โดยระบุว่า 


ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 172564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2564 


กำหนดให้ ศปก.กต.อนุมัติประเทศและพื้นที่ที่อนุญาตให้ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรสำหรับบุคคลประเภท (13) ซึ่งหมายถึงผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข และการเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะหัวหน้า ศปก.กต. จึงประกาศรายชื่อประเทศและพื้นที่ต้นทางสำหรับบุคคลประเภทดังกล่าวที่ผู้เดินทางจากประเทศและพื้นที่ดังกล่าวได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร 


สำหรับรายชื่อประเทศและพื้นที่ต้นทางที่ได้รับอนุญาต มีจำนวน 46 รายชื่อ ได้แก่ 

1.ออสเตรเลีย 

2.ออสเตรีย 

3.บาห์เรน 

4.เบลเยียม 

5.ภูฏาน 

6.บรูไนดารุสซาลาม 

7.บัลแกเรีย 

8.กัมพูชา 

9.แคนาดา 

10. ชิลี 

11.จีน 

12.ไซปรัส 

13.สาธารณรัฐเช็ก 

14.เดนมาร์ก 

15.เอสโตเนีย 

16.ฟินแลนด์ 

17.ฝรั่งเศส 

18.เยอรมนี 

19.กรีซ 

20.ฮังการี 

21.ไอซ์แลนด์ 

22.ไอร์แลนด์ 

23.อิสราเอล 

24.อิตาลี 

25.ญี่ปุ่น 

26.ลัตเวีย 

27.ลิทัวเนีย 

28.มาเลเซีย 

29.มอลตา 

30.เนเธอร์แลนด์ 

31.นิวซีแลนด์ 

32.นอร์เวย์ 

33.โปแลนด์ 

34.โปรตุเกส 

35.กาตาร์ 

36.ซาอุดีอาระเบีย 

37.สิงคโปร์ 

38.สโลวีเนีย 

39.เกาหลีใต้ 

40.สเปน 

41.สวีเดน 

42.สวิตเซอร์แลนด์ 

43.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 

44.สหราชอาณาจักร 

45.สหรัฐอเมริกา 

46.ฮ่องกง










โดยตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศจากประเทศที่กำหนดว่า เป็นประเทศความเสี่ยงต่ำ เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทย ทุกคนต้องแสดงตัวว่าปลอดเชื้อโควิด-19 โดยต้องมีหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งทำการตรวจก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง และจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย หลังจากนั้น จึงสามารถเดินทางไปพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกับที่คนไทยปกติทั่วไปสามารถทำได้



เช็กมาตรการ ต้อนรับ 46 ประเทศเข้าไทยไม่ต้องกักตัว และ 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว

เช็กมาตรการ ต้อนรับ 46 ประเทศเข้าไทยไม่ต้องกักตัว และ 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว



เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 36) ดังนี้ ตามที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว ออกไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ 

โดยที่การระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มของสถานการณ์ คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ด้วยผู้ติดเชื้อรายใหม่มีจำนวนในระดับคงที่ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง และผู้ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้น รัฐบาลจึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องมีการฟื้นฟูประเทศเพื่อประโยชน์ด้านการใช้ชีวิตความเป็นอยู่และด้านเศรษฐกิจแก่ประชาชน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และมาตรา 11 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรี จึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลายตามคำแนะนำของศบค.ดังต่อไปนี้

1. การกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ให้มีการกำหนดเขตพื้นที่นำร่อง(Sandbox) ด้านการท่องเที่ยวขึ้น เพื่อการดำเนินการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจของประเทศควบคู่กับการกำหนดมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในพื้นที่แบบบูรณาการ โดยพิจารณาถึงความเหมาะสม ความพร้อม และบริบทของแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อการบังคับใช้ให้เหมาะสมและเป็นการเฉพาะจากเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์

2. การกำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวให้สถานที่ กิจการ หรือการดำเนินกิจกรรมในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว สามารถเปิดดำเนินการได้ ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบ ระเบียบ และมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด เช่น มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) มาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร(Covid Free Setting) รวมทั้งมาตรการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อที่ผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่กำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะ

3. การยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน ให้ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวซึ่งเดิมเคยกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จากการจำแนกจังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ แต่ได้มีคำสั่งกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่นำร่อง ด้านการท่องเที่ยวตามข้อกำหนดนี้ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 31 ต.ค.2564

4.การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพรโรคในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 500 คนในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว

5.การเตรียมความพร้อมของสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ในระยะเริ่มแรกของการดำเนินการเปิดเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ให้สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวยังคงปิดดำเนินการไว้ก่อนในช่วงเวลานี้

โดยให้หน่วยงานและผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมเพื่อการผ่อนคลายมาตรการตามที่ได้ประกาศไว้แล้วในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉินพ.ศ.2548 (ฉบับที่ 35) ลงวันที่ 15 ต.ค.นี้ เพื่อให้สามารถเปิดดำเนินการได้ต่อไปตามแผนและกรอบเวลาที่รัฐบาลจะประกาศกำหนด

6.การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยภายในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว และการกำหนดมาตร การเพิ่มเติมของแต่ละจังหวัด ให้ผู้ว่าฯกทม. โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณีเสนอต่อศูนย์ปฏิบัติการศปก.ศบค.เพื่อตรวจสอบ กลั่นกรอง และเสนอนายกรัฐมนตรีให้พิจารณาปรับระดับความเข้มข้น หรือการผ่อนคลายของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในระดับท้องที่หรือเขตอำเภอที่อยู่ในเขตพื้นที่จังหวัด ในความรับผิดชอบของตนได้ตามความจำเป็นแห่งสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในห้วงเวลาต่าง ๆ

ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาดำเนินการตามพ.ร.บ.โรคติดต่อพ.ศ. 2558 โดยสั่งปีด จำกัด หรือห้ามการดำเนินการของสถานที่ หรือสั่งให้งดการทำกิจกรรมอื่นในเขตพื้นที่รับผิดชอบซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มเติมจากมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19

7.การกำหนดผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติม เพื่อเอื้อต่อการเดินทางเข้าราชอาณาจักรของบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศต้นทางซึ่งได้รับการประเมินตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และได้มีการประสานความร่วมมือเพื่อดำเนินการตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล ต้องเป็นผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล

8.มาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การกำหนดมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในประเภทซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุข ตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล ตามที่ได้เพิ่มเติมโดยข้อกำหนดนี้ เช่น การกำหนดประเทศหรือพื้นที่

ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศ และการดูแลคนไทยในต่างประเทศอนุมัติ การมีหนังสือรับรองหรือหลักฐานการลงทะเบียนการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การได้รับวัคซีนป้องกันโรคครบตามเกณฑ์ การตรวจยืนยันว่าไม่มีเชื้อ COVID-19 การมีกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลตามเกณฑ์ที่กำหนด และหลักฐานการชำระค่าที่พัก ให้เป็นไปตามคำสั่งศบค. ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ 










ข่าวแนะนำ