TNN online ศิริราช อัปเดตผลศึกษาฉีดวัคซีนไขว้ "แอสตร้าฯ+ไฟเซอร์" ได้ภูมิคุ้มกันสูงสุด!

TNN ONLINE

เกาะติด COVID-19

ศิริราช อัปเดตผลศึกษาฉีดวัคซีนไขว้ "แอสตร้าฯ+ไฟเซอร์" ได้ภูมิคุ้มกันสูงสุด!

ศิริราช อัปเดตผลศึกษาฉีดวัคซีนไขว้ แอสตร้าฯ+ไฟเซอร์ ได้ภูมิคุ้มกันสูงสุด!

ศิริราช อัปเดตผลการศึกษาการ "ฉีดวัคซีนไขว้" พบ แอสตร้าฯ ตามด้วย ไฟเวอร์ ภูมิคุ้มกันขึ้นสูงสุด

ภาพโดย TNN Online-AFP

วันนี้( 21 ก.ย.64) เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้อัปเดตข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิดชนิดไขว้

โดยระบุข้อความว่า "อัปเดตผลการศึกษาการฉีดวัคซีนไขว้ เทียบการฉีดด้วยวัคซีนชนิดเดียวกัน

จากผลการศึกษาวิจัยโดยศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล สรุปได้ว่า 

1.การฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแล้วตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ได้ระดับภูมิคุ้มกันสูงสุด 2,259.9 หน่วยต่อมิลลิลิตร

2.การฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้วตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ได้ระดับภูมิคุ้มกันดีรองลงมาที่ 2,181.8 หน่วยต่อมิลลิลิตร

3.การฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้วตามด้วยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ได้ระดับภูมิคุ้มกัน 1,049.7 หน่วยต่อมิลลิลิตร

-การใช้วัคซีนซิโนแวคเป็นเข็มแรก แล้วตามด้วยแอสตร้าหรือไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 2 สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี

-การฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าเป็นเข็มแรกควรตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 2

-การวัดเป็นผล anti-RBD IgG วัดโดยเครื่อง Abbott และรายงานเป็นหน่วยมาตรฐาน BAU/mL ส่วนผลการวัดแบบ PRNT50 จะมีการรายงานต่อไปค่ะ 

นอกจากนี้ผลการศึกษายังไม่มีปัญหาเรื่องอาการข้างเคียงหลังฉีดเข็มที่หนึ่งและเข็มที่สองในระยะเวลาห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์

ควรมีการศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลการป้องกันการติดเชื้อในผู้ที่ได้รับวัคซีนเพื่อยืนยันภูมิคุ้มกันจากการศึกษานี้"

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง