ผลศึกษาชี้ไวรัสโควิดสายพันธุ์ 'เดลต้า' แรง แม้ฉีดวัคซีนแล้วก็ติดเชื้อได้
ผลการศึกษาของอินเดีย พบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า สามารถแพร่เชื้อไปถึงคนที่ฉีดวัคซีนป้องกันแล้วก็ตาม
วันนี้ (11มิ.ย.64) กลุ่มสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ออลล์อินเดีย ( All India Institute of Medical Science ) AIIMS ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงนิวเดลีของอินเดีย เปิดเผยการศึกษาที่ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า สามารถแพร่เชื้อให้แก่คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโดสเดียว หรือสองโดสก็ตาม ซึ่งสายพันธุ์เดลต้า พบเจอครั้งแรกที่อินเดียเมื่อเดือนตุลาคมปี 2020 จากนั้นไวรัสสายพันธุ์นี้แพร่กระจายไปหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย
กลุ่มสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ออลล์อินเดีย บอกด้วยว่า ไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ส่วนใหญ่พบในคนป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการฉีดวัคซีนก่อนติดเชื้อ
บรรดานักวิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ตัวอย่างของไวรัสที่นำมาจากผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 36 คน หลังได้รับวัคซีน และพบว่าในจำนวนดังกล่าว มีถึง 23 คน ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า หรือประมาณ 63 % ของผู้ป่วยที่เข้ารับการทดสอบ
นอกจากนั้น ผู้ป่วย 36 คน มีเพียง 19 คนที่ได้รับวัคซีนโดสเดียว และอีก 17 คนได้รับวัคซีนครบ 2 โดส แต่ถึงกระนั้นคณะนักวิจัยได้ให้ข้อสรุปมาว่าไวรัสเดลต้า เป็นสายพันธุ์โควิดที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก แม้กระทั่งคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ยังไม่รอดพ้นจากโควิด-19
ผลการศึกษาครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับผู้ป่วย 63 คน ที่ติดเชื้อโควิด-19 หลังฉีดวัคซีนโดยจำนวนผู้ป่วยดังกล่าว มี 10 คน ฉีดวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตในอินเดีย ส่วนอีก 53 คน ฉีดวัคซีน Covaxin ที่อินเดียพัฒนาขึ้นเอง และอายุเฉลี่ยของผู้ป่วยคือ 37 ปี แบ่งเป็นคนไข้ชาย 41 ราย และคนไข้หญิง 22 ราย
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเผยว่า โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในกลุ่มคนไข้ที่ติดโควิด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของวัคซีน ที่สามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีไข้สูงเป็นเวลา 5 ถึง 7 วัน แต่ไม่มีอาการอื่นปรากฏออกมา
ปัจจุบัน อินเดียมีผู้ติดเชื้อสะสม 29,274,823 คน และเสียชีวิตสะสม 363,097 คน