เมื่อแนนซี เพโลซี จุดเพลิง "วิกฤติไต้หวัน" (ตอน3) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
เมื่อแนนซี เพโลซี จุดเพลิง "วิกฤติไต้หวัน" (ตอน3) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน
การเยือนของ "แนนซี เปโลซี" ทำให้กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งชาติจีน (People’s Liberation Army) ออกปฏิบัติการพิเศษในหลายส่วนด้วยความเข้มข้นและขยายวงกว้างขึ้นโดยลำดับ จากเดิมที่เป็นเพียงการแสดงแสนยานุภาพในวันที่ 1 สิงหาคม เพื่อฉลองวันกองทัพจีน “ปาอี้”
ตามด้วยการซ้อมรบทั้งทางทะเลและทางอากาศด้วยกระสุนจริงใน 6 พื้นที่ชนิดประชิดแนว 12 ไมล์ทะเลจากชายฝั่งไต้หวันต่อเนื่องอีก 4 วันระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ก่อนสิ้นสุดการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันระลอกหลัง จีนยังได้ประกาศขยายเวลาการซ้อมรบไปอีก 1 สัปดาห์ และคาดว่าจะขยายต่อไปจนถึงวันที่ 8 กันยายน พร้อมทั้งเพิ่มพื้นที่ปฏิบัติการอีก 2 จุดในบริเวณอ่าวโป๋วไห่ และทะเลเหลือง ซึ่งอยู่ด้านตอนเหนือของเกาะไต้หวัน
แม้ว่าจีนจะประกาศการซ้อมรบล่วงหน้าตามแนวปฏิบัติของสนธิสัญญาระหว่างประเทศ แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ การขยายวงและยกระดับความเข้มข้นของปฏิบัติการของ PLA ในครั้งหลังนี้ นอกจากจะเพิ่มอุณหภูมิความขัดแย้งในภูมิภาคแล้ว จีนยังส่งสัญญาณไปยังประชาคมโลกว่า “ไต้หวัน” และ “หมู่เกาะ” ที่มีกรณีพิพาทคาราคาซังกันอยู่ในแถบ “ทะเลเหลือง” ใกล้คาบสมุทรเกาหลีเป็นส่วนหนึ่งของจีน
นอกจากนี้ จีนยังเตรียมความพร้อมต่อ “การรุกราน” ใดๆ ที่จะเกิดขึ้น เพราะย่าน “คอไก่” เป็นพื้นที่เข้าสู่จุดยุทธศาสตร์สำคัญของจีน ดูเหมือนจีนได้มองข้ามกองกำลังทหารของไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นไปแล้ว และส่งสัญญาณ “ก็มาซิครับ” ต่อไปยังสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรว่าพร้อมจะป้องกันประเทศ
อันที่จริง การซ้อมรบครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของจีนในครั้งนี้สร้างความกังวลใจ หรือแม้กระทั่งความไม่พอใจอย่างมากให้กับไต้หวัน สหรัฐฯ และประเทศที่เกี่ยวข้องในภูมิภาค แต่ก็ “ลดแรงดันก่อนหม้อระเบิด” ยอมเปิดทางให้จีนได้ตอบโต้อย่างเต็มที่
เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเลือกที่จะ “นิ่งเงียบ” ไม่ต้องการเป็นคู่กรณี อาจเพราะปัญหาที่แบกรับอยู่ก็มากพออยู่แล้ว อาทิ การระบาดของโควิด-19 ปัญหาภัยธรรมชาติ และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ไต้หวันประกาศซ้อมรบ “อย่างสงบ”
ส่วนผู้บริหารระดับสูงของสหรัฐฯ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ต่างกรรมต่างวาระอย่างสอดประสานกันว่า “สหรัฐฯ พร้อมดำเนินการใดๆ อย่างรับผิดชอบ” บ้าง และ “คาดหวังว่าจีนจะไม่ขยายปฏิบัติการมากกว่าที่เป็นอยู่” บ้าง โดยหลีกเลี่ยงการพูดถึงหลักการ “จีนเดียว”
ขณะเดียวกัน การซ้อมรบดังกล่าวยังส่งผลกระทบไปถึงธุรกิจโลจิสติกส์และผู้ประกอบการค้าระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยในระยะสั้น การซ้อมรบในช่วงที่ผ่านมาทำให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ในบริเวณช่องแคบและบริเวณรอบเกาะไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของการพาณิชยนาวีโลก หยุดชะงักลงจนเกือบเป็นศูนย์
องค์กรประกันภัยร่วม หรือพีแอนด์ไอ (P&I) ต้องออกโรงมาเตือนเกี่ยวกับการให้บริการของสายเรือและสายการบินในช่วงนี้ โดยแนะนำให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก
การเดินทางของผู้คนและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก โดยบริการเรือเฟอร์รี่ข้ามช่องแคบไต้หวันที่ลดลงไปมากในช่วงหลายปีหลัง ถูกสั่งให้ยกเลิกบริการเดินทางแก่นักท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว
ในส่วนของการขนส่งสินค้าทางทะเล ช่องแคบไต้หวันถือเป็นเส้นทางเดินเรือที่คึกคักและสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่เชื่อมภูมิภาคเอเซียตะวันออกกับสหรัฐฯ และยุโรป ประมาณว่าเกือบครึ่งหนึ่งของสินค้าคอนเทนเนอร์ที่ขนส่งกันทั่วโลกล้วนต้องผ่านเส้นทางนี้ การซ้อมรบดังกล่าวทำให้การขนส่งสินค้าเข้าออกไต้หวันและท่าเรือฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ลดฮวบและง่อยเปลี้ยเสียศูนย์ไปในทันที
ไต้หวันมีท่าเรือ 15 แห่งกระจายอยู่รอบเกาะได้รับผลกระทบโดยตรง ท่าเรือคอนเทนเนอร์ที่ใหญ่สุดได้แก่ ท่าเรือเกาสง (Port of Kaosiung) ตั้งอยู่ด้านซีกตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 15 ของโลกในเชิงของขีดความสามารถในการให้บริการ โดยในปีที่ผ่านมา ท่าเรือแห่งนี้ให้บริการขนถ่ายสินค้าคอนเทนเนอร์ราว 10 ล้านตู้ และสินค้าอื่นรวม 18.9 ล้านตัน
ในช่วงการซ้อมรบ ผมประเมินว่า มีเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่เข้าออกไต้หวันจำนวนราว 200 ลำได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม บางสายเรือต้องยอมลอยคอกลางทะเลเพื่อหลีกเลี่ยง “ลูกหลง” ขณะที่บางส่วนเลือกที่จะชะลอหรือเปลี่ยนตารางการให้บริการชั่วคราว เช่น เอเวอร์กรีนมารีน (Evergreen Marine) บริษัทเรือรายใหญ่สุดของไต้หวัน และอันดับ 7 ของโลกในเชิงสัดส่วนทางการตลาด
ขณะที่บางสายเรือพยายามเปลี่ยนเส้นทางเดินเรืออ้อมไปด้านซีกตะวันออกของเกาะ (ด้านฟิลิปปินส์) ซึ่งทำให้สายเรือต้องเสียค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินเรือมากขึ้นราว 3 วัน และค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่ขยับสูงขึ้น
นอกจากนี้ โดยที่ช่วงนี้ก็เป็นฤดูมรสุมที่อาจมีพายุไต้ฝุ่นเข้าในพื้นที่ การเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือดังกล่าวก็เพิ่มระดับความเสี่ยงในการเดินเรือตามไปด้วย
ซัพพลายเออร์ก๊าซธรรมชาติบางส่วนยังได้ตัดสินใจปรับลดความเร็วและเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือไปทางตอนเหนือแทน ซึ่งทำให้การขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมต้องใช้เวลามากขึ้น
ความล่าช้าในการส่งมอบสินค้าอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานด้านพลังงานในภูมิภาคตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งไต้หวัน และญี่ปุ่น ซึ่งอาจทำให้ปัญหาวิกฤติพลังงานที่มีอยู่เดิมขยายวงในภูมิภาคนี้มากขึ้น
ในส่วนของจีนแผ่นดินใหญ่ ท่าเรือในมณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งอยู่ตรงข้ามเกาะไต้หวัน ก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน ท่าเรือเซี๊ยะเหมิน (Port of Xiamen) ซึ่งจัดอยู่ในลิสต์ท่าเรือใหญ่ 10 อันดับแรกของจีน ถือเป็นท่าเรือหลักที่รองรับความต้องการของพื้นที่หลังท่าในย่านนั้น
ท่าเรือแห่งนี้ให้บริการขนถ่ายสินค้าราว 12 ล้านตู้ต่อปีในปัจจุบัน ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ซึ่งทำเอาห่วงโซ่อุปทานของหลายอุตสาหกรรมแกว่งตัวตามไปด้วย ส่วนนี้ก็อาจส่งผลเชิงลบต่อไปถึงการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ประเมินว่า การซ้อมรบครั้งนี้ทำให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้น หรือมีรายได้ลดลงถึงราว 10%
ประการสำคัญ ภายหลังจีนประกาศขยายการซ้อมรบระลอกใหม่ ความล่าช้าในการส่งมอบวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปในอนาคตอาจทำให้เกิดการกระจุกตัวของห่วงโซ่อุปทานในไต้หวันและประเทศอื่นในภูมิภาค ซึ่งจะทำให้โรงงานผลิตสินค้า ผู้ประกอบการค้า และผู้บริโภคในพื้นที่ดังกล่าวมีโจทย์ที่ใหญ่กว่าให้แก้ไขเพิ่มขึ้นในอนาคต
นี่โชคดีที่สถานการณ์ “วิกฤติโลจิสติกส์” ในช่วง 2 ปีก่อนได้คลายตัวลงไปแล้ว มิฉะนั้นแล้ว หากขยายเวลาและพื้นที่การซ้อมรบในครั้งหลัง ก็อาจจุดชนวนวิกฤติโลจิสติกส์รอบใหม่ขึ้นมาได้
คราวหน้าผมจะขอไปคุยต่อเรื่องผลกระทบด้านการขนส่งทางอากาศ และการตอบโต้ต่อความอหังการของสหรัฐฯ ในครั้งนี้กันครับ ...
คลิกอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่
เมื่อแนนซี เพโลซี จุดเพลิง "วิกฤติไต้หวัน" ตอน 1
เมื่อแนนซี เพโลซี จุดเพลิง "วิกฤติไต้หวัน" ตอน 2
เมื่อแนนซี เพโลซี จุดเพลิง "วิกฤติไต้หวัน" ตอน 3
เมื่อแนนซี เพโลซี จุดเพลิง "วิกฤติไต้หวัน" ตอน จบ
ภาพจาก AFP , Reuters