
ต้นปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการร่วมมือปราบปราม จัดการกับศูนย์กลางสแกมเมอร์คอลเซ็นเตอร์ตามชายแดนไทย–เมียนมาไปแล้วจำนวนมาก ทั้งมีการพูดถึงข้อสันนิษฐานว่า เมียนมาเป็นศูนย์กลางของธุรกิจนี้
แต่จากข้อมูลและแผนที่ของ UNODC กลับชี้ว่า ตรงกันข้ามแล้ว เป็นกัมพูชาต่างหากที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจสแกมเมอร์หลอกลวงไซเบอร์ของประเทศลุ่มแม่น้ำโขง
จากรายงานของ UNODC หรือ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยผลกระทบระดับโลกของศูนย์หลอกลวง ธนาคารใต้ดิน และตลาดออนไลน์ผิดกฎหมายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้จัดทำแผนที่สแกมเมอร์ในภูมิภาคประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเห็นได้ว่า ตั้งแต่ปี 2022–2025 เกิดศูนย์กลางการหลอกลวงไซเบอร์ สแกมเมอร์จำนวนมากตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา
หนึ่งในสถานที่ที่โดดเด่นที่สุดที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่คือสีหนุวิลล์ ซึ่ง UNODC ระบุว่าเป็นศูนย์กลางการหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกัมพูชา
รายงานดังกล่าวเน้นถึงการลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมากในพื้นที่ ซึ่งได้พัฒนาเป็นทั้งแหล่งซ่อนตัวและฐานปฏิบัติการของกลุ่มอาชญากรที่มุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย
และหนึ่งจุดที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ ที่เครือข่ายสแกมเมอร์เหล่านี้พยายามแทรกซึมเข้ามาในไทย คือ ‘ปอยเปต’ ซึ่งเป็นเมืองชายแดนที่ติดกับจังหวัดสระแก้วของไทย
ในขณะที่ทางตอนใต้ ตอนใน และเมืองหลวงของกัมพูชาอย่างกรุงพนมเปญ บาเวต และสีหนุวิลล์ ก็เกิดเครือข่ายสแกมเมอร์เช่นกัน ซึ่งรายงานย้ำว่า เป็นการบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมสแกมเมอร์นี้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในเขตชายแดนอีกต่อไป แต่กลับขยายไปยังเมืองใหญ่ ๆ รวมถึงเมืองหลวงของประเทศ ซึ่งเน้นย้ำถึงขนาดและสถาบันที่ฝังรากลึกในกัมพูชา
นอกจากแผนที่แล้ว รายงานชิ้นนี้ยังพูดถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในกัมพูชาของอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจกับอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ ที่กลายเป็นภัยคุกคามต่อประเทศอื่น ๆ ซึ่งชื่อของ Huione Group ธุรกิจทางการเงินของกัมพูชา ที่ถูกพูดถึงมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการถูกแบนในสหรัฐฯ และพบว่าตระกูลฮุนของสมเด็จฮุน เซน มีส่วนข้องเกี่ยวนั้น ก็ถูกพูดถึงในรายงานชิ้นนี้ ในฐานะธุรกิจที่สุ่มเสี่ยงและเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหลอกลวงไซเบอร์ด้วย
โดยมีการยกตัวอย่าง Huione Guarantee ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Haowang82 และกลายเป็นตลาดซื้อขายออนไลน์ผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่ง UNODC ชี้ว่า ธุรกิจนี้เติบโตขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปี และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการขยายตัวของระบบนิเวศการฉ้อโกงทางไซเบอร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
นอกจากรายงานชิ้นนี้แล้ว ที่ผ่านมาก็มีหลายงานหลายชิ้นที่ชี้ถึงหลักฐานของการเป็นเมืองสแกมเมอร์ของกัมพูชา
เช่น อาชญากรรมข้ามชาติที่สนับสนุนโดยรัฐ ในฐานะภัยคุกคามความมั่นคงโลก โดยเจค็อบ ซิมส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมข้ามพรมแดนและความมั่นคงภูมิภาค ที่ชี้ว่าอุตสาหกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชาใกล้ถึงจุด “ใหญ่เกินกว่าจะล้มได้” กัมพูชากลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งการสแกม ขับเคลื่อนด้วยแก๊งอาชญากรรมชาวจีน จนเป็นภัยต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงระดับโลก ทั้งยังทำเงินจนกลายเป็นรายได้จำนวนมากให้ประเทศ
สรุปข่าว
ต้นปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการร่วมมือปราบปราม จัดการกับศูนย์กลางสแกมเมอร์คอลเซ็นเตอร์ตามชายแดนไทย–เมียนมาไปแล้วจำนวนมาก ทั้งมีการพูดถึงข้อสันนิษฐานว่า เมียนมาเป็นศูนย์กลางของธุรกิจนี้
แต่จากข้อมูลและแผนที่ของ UNODC กลับชี้ว่า ตรงกันข้ามแล้ว เป็นกัมพูชาต่างหากที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจสแกมเมอร์หลอกลวงไซเบอร์ของประเทศลุ่มแม่น้ำโขง
จากรายงานของ UNODC หรือ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยผลกระทบระดับโลกของศูนย์หลอกลวง ธนาคารใต้ดิน และตลาดออนไลน์ผิดกฎหมายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้จัดทำแผนที่สแกมเมอร์ในภูมิภาคประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเห็นได้ว่า ตั้งแต่ปี 2022–2025 เกิดศูนย์กลางการหลอกลวงไซเบอร์ สแกมเมอร์จำนวนมากตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา
หนึ่งในสถานที่ที่โดดเด่นที่สุดที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่คือสีหนุวิลล์ ซึ่ง UNODC ระบุว่าเป็นศูนย์กลางการหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกัมพูชา
รายงานดังกล่าวเน้นถึงการลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมากในพื้นที่ ซึ่งได้พัฒนาเป็นทั้งแหล่งซ่อนตัวและฐานปฏิบัติการของกลุ่มอาชญากรที่มุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย
และหนึ่งจุดที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ ที่เครือข่ายสแกมเมอร์เหล่านี้พยายามแทรกซึมเข้ามาในไทย คือ ‘ปอยเปต’ ซึ่งเป็นเมืองชายแดนที่ติดกับจังหวัดสระแก้วของไทย
ในขณะที่ทางตอนใต้ ตอนใน และเมืองหลวงของกัมพูชาอย่างกรุงพนมเปญ บาเวต และสีหนุวิลล์ ก็เกิดเครือข่ายสแกมเมอร์เช่นกัน ซึ่งรายงานย้ำว่า เป็นการบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมสแกมเมอร์นี้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในเขตชายแดนอีกต่อไป แต่กลับขยายไปยังเมืองใหญ่ ๆ รวมถึงเมืองหลวงของประเทศ ซึ่งเน้นย้ำถึงขนาดและสถาบันที่ฝังรากลึกในกัมพูชา
นอกจากแผนที่แล้ว รายงานชิ้นนี้ยังพูดถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในกัมพูชาของอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจกับอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ ที่กลายเป็นภัยคุกคามต่อประเทศอื่น ๆ ซึ่งชื่อของ Huione Group ธุรกิจทางการเงินของกัมพูชา ที่ถูกพูดถึงมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการถูกแบนในสหรัฐฯ และพบว่าตระกูลฮุนของสมเด็จฮุน เซน มีส่วนข้องเกี่ยวนั้น ก็ถูกพูดถึงในรายงานชิ้นนี้ ในฐานะธุรกิจที่สุ่มเสี่ยงและเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหลอกลวงไซเบอร์ด้วย
โดยมีการยกตัวอย่าง Huione Guarantee ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Haowang82 และกลายเป็นตลาดซื้อขายออนไลน์ผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่ง UNODC ชี้ว่า ธุรกิจนี้เติบโตขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปี และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการขยายตัวของระบบนิเวศการฉ้อโกงทางไซเบอร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
นอกจากรายงานชิ้นนี้แล้ว ที่ผ่านมาก็มีหลายงานหลายชิ้นที่ชี้ถึงหลักฐานของการเป็นเมืองสแกมเมอร์ของกัมพูชา
เช่น อาชญากรรมข้ามชาติที่สนับสนุนโดยรัฐ ในฐานะภัยคุกคามความมั่นคงโลก โดยเจค็อบ ซิมส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมข้ามพรมแดนและความมั่นคงภูมิภาค ที่ชี้ว่าอุตสาหกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชาใกล้ถึงจุด “ใหญ่เกินกว่าจะล้มได้” กัมพูชากลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งการสแกม ขับเคลื่อนด้วยแก๊งอาชญากรรมชาวจีน จนเป็นภัยต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงระดับโลก ทั้งยังทำเงินจนกลายเป็นรายได้จำนวนมากให้ประเทศ
ที่มาข้อมูล : UNODC หรือสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ
ที่มารูปภาพ : TNN Online