
ปัจจุบันแม้ว่าเครื่องบินทะเลอาจดูเป็นเทคโนโลยีในอดีต แต่ยังคงมีหลายบริษัทพัฒนาเครื่องบินทะเลรูปแบบต่าง ๆ หนึ่งในนั้น คือ เครื่องบินทะเลไฮบริด-ไฟฟ้า Polaris seaplane พัฒนาโดยบริษัท ไท-ดอล ไฟลท์ (Tidal Flight) ซึ่งบริษัทอ้างว่าสามารถประหยัดเชื้อเพลิง และสร้างเสียงรบกวนน้อยกว่าเครื่องบินทั่วไป
โดยล่าสุด บริษัท ไท-ดอล ไฟลท์ (Tidal Flight) ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงร่วมกับสายการบินทรอพิก โอเชียน แอร์เวย์ส (Tropic Ocean Airways) เพื่อซื้อเครื่องบินทะเลสะเทินน้ำสะเทินบกไฮบริด-ไฟฟ้ารุ่นโพแลริส (Polaris) จำนวน 20 ลำ มูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3,374 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีการบินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน
สรุปข่าว
ความสำเร็จในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีเครื่องบินทะเลยังคงได้รับความนิยมในพื้นที่ที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับสนามบิน ทั้งในหมู่เกาะและเขตริมน้ำที่ต้องการทางเลือกในการเดินทางที่คล่องตัว เครื่องบินทะเลเคยมีบทบาทสำคัญในช่วงต้นของการขนส่งทางอากาศ และยังคงใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ ที่มีบริการเชื่อมต่อระหว่างเมืองหลัก เช่น ซีแอตเทิล และวิกตอเรีย รัฐบริติชโคลัมเบีย
โพแลริส ซีเพลน (Polaris seaplane) เป็นเครื่องบินทะเลที่ออกแบบมาให้ล้ำสมัยกว่ารุ่นเก่า เช่น Grumman Albatross โดยมีปีกกว้าง 18 เมตร และน้ำหนักขึ้นบิน 5,670 กิโลกรัม ระบบขับเคลื่อนของเครื่องบินประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวที่ติดตั้งบนหางเสือ V-tail โดยใช้พลังงานจากเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ เครื่องบินสามารถทำความเร็วเดินทางได้ 162 น็อต หรือ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ระดับความสูง 2,100 เมตร และมีพิสัยการบิน 1,915 กิโลเมตร สามารถบรรทุกสัมภาระได้ 1 ตัน และรองรับผู้โดยสารสูงสุด 12 คน
บริษัท ไท-ดอล ไฟลท์ (Tidal Flight) ระบุว่าระบบขับเคลื่อนไฮบริดของโพแลริส (Polaris) สามารถลดเสียงรบกวนขณะบินขึ้นได้ถึง 20 เดซิเบล และช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 85% เมื่อเทียบกับเครื่องบินรุ่นเดิมที่ใช้งานบนเส้นทางเดียวกัน นอกจากนี้ ยังออกแบบให้มีสปอนสันพับได้ที่ปีกเพื่อลดแรงต้านอากาศ พลศาสตร์ ส่งผลให้เครื่องบินมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ในปัจจุบัน โพแลริส (Polaris) ได้รับการทดสอบในรูปแบบโมเดลขนาด 1/6 และต้นแบบขนาดเต็มมีกำหนดขึ้นบินครั้งแรกในปี 2027 คาดว่าจะสามารถให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2030 รุ่นแรกของโพแลริส (Polaris) ออกแบบให้ใช้เชื้อเพลิงเจ็ตและเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) เพื่อลดความซับซ้อนในการสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่ในอนาคต อาจมีการพัฒนาให้ใช้พลังงานไฮโดรเจนหรือแบตเตอรี่เต็มรูปแบบสำหรับเส้นทางบินระยะสั้น
ร็อบ เซราโวโล (Rob Ceravolo) ซีอีโอของสายการบินทรอพิก โอเชียน แอร์เวย์ส (Tropic Ocean Airways) กล่าวถึงความคาดหวังในการใช้งานโพแลริส (Polaris) ว่า
"เครื่องบินไฮบริด-ไฟฟ้าของบริษัท ไท-ดอล ไฟลท์ (Tidal Flight) ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน พร้อมทั้งมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าโดยไม่กระทบต่อพิสัยการบิน น้ำหนักบรรทุก หรือความเร็ว เครื่องบินโพแลริส (Polaris) ช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และลดต้นทุนการดำเนินงานของเราอย่างแท้จริง แทนที่จะต้องประนีประนอมเพื่อรองรับเทคโนโลยีไฟฟ้า"
ที่มาข้อมูล : https://newatlas.com/aircraft/polaris-hybrid-electric-seaplane-boasts-85-better-fuel-efficiency/
ที่มารูปภาพ : Tidal Flight

TNNThailand