Nvidia เตรียมขึ้นแท่นเป็นบริษัทผู้ผลิตชิประดับ "ล้านล้าน" เจ้าแรกของโลก
เอ็นวิเดีย คอร์ป (Nvidia Corp) บริษัทผู้ผลิตชิประดับโลก ถูกมองว่าเป็นว่าที่ผู้ผลิตชิปรายแรกที่จะมีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ ตามอุตสาหกรรม AI ที่เติบโต
สำหรับ อินวิเดีย คอร์ป (Nvidia Corp) บริษัทผู้ผลิตชิประดับโลกจากซิลิคอน แวลลีย์ (Silicon Valley) กลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา ถูกมองว่าเป็นว่าที่ผู้ผลิตชิปรายแรกที่จะมีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 34.7 ล้านล้านบาท ตามความคาดการณ์ของยอดขายที่น่าทึ่ง และความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับโปรเซสเซอร์ในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
โดยหุ้นของ Nvidia พุ่งขึ้น 23% ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากประกาศคาดการณ์ยอดขายในไตรมาสหน้าอยู่ที่ 11,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.82 แสนล้านบาท ซึ่งเกินกว่าที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คาดการณ์ไว้มากกว่า 50%
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ระบุว่า การประกาศนี้เพิ่มมูลค่าตลาดของอินวิเดีย มากถึง 170,000 ล้านดอลลาร์ มากกว่ามูลค่าบริษัทโดยรวมทั้งหมดของอินเทล (Intel) หรือควอลคอมม์ (Qualcomm) การเพิ่มขึ้นในระดับประวัติการณ์นี้ เป็นหนึ่งในหมุดหมายการเพิ่มมูลค่าของบริษัทในกรอบระยะเวลาเพียง 1 วันที่สำคัญที่สุดสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ เท่าที่เคยมีมา
ด้วยมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 9.27 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะนี้ Nvidia กำลังขยับเข้าใกล้การเข้าร่วมกลุ่มบรรษัทซูเปอร์ลีก ที่มีมูลค่าล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบัน ประกอบไปด้วยบริษัทแถวหน้าของโลก เช่น แอปเปิล (Apple), ไมโครซอฟต์ (Microsoft), อัลฟาเบ็ต (Alphabet) ของกูเกิล, แอมะซอน (Amazon) และซาอุดี อรามโค (Saudi Aramco)
ความสำเร็จล่าสุดของอินวิเดีย เกิดจากความต้องการในเทคโนโลยีชิปที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยโปรเซสเซอร์ H100 ของบริษัท มียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ และการมาเยือนของอุตสาหกรรมสตาร์ตอัปด้าน AI เช่น โอเพนเอไอ (OpenAI) และแอนโทรปิก (Anthropic) โดยบริษัทสตาร์ทอัพเหล่านี้ระดมเงินทุนได้หลายหมื่นล้านบาทในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้เอนวิเดีย (Nvidia) กลายเป็นบริษัทแถวหน้าควบคู่กับตลาด AI ที่กำลังเติบโต
ด้านจอฟฟ์ บลาเบอร์ (Geoff Blaber) ซีอีโอของซีซีเอส อินไซท์ (CCS Insight) บริษัทวิจัยด้านการตลาดกล่าวว่า "อุตสาหกรรมชิปและซอฟต์แวร์ จะเป็นเครื่องมือสู่การมุ่งไปยังยุคของบริษัทด้าน AI"
เอ็นวิเดียยังให้บริการเครื่องมือ (Toolchain) สำหรับ AI ที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งไม่มีบริษัทอื่นเทียบได้ในขณะนี้" เขากล่าวเสริม ขณะที่ธีมการเติบโตของบริษัทชิป ไม่ได้หยุดอยู่แค่หุ้นของอินวิเดีย แต่หุ้นของเอเอ็มดี (AMD) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตชิปสำหรับอุตสาหกรรม AI เองก็พุ่งขึ้น 8% ส่วนไมโครซอฟต์ และกูเกิลเองก็มีราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หุ้นของอินเทล (Intel) ร่วงลง 5% ในการซื้อขายช่วงต้น จากความล่าช้าในการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรม AI นั่นเอง
ทั้งนี้ แม้ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง แอมะซอน, กูเกิล, เมตา และไมโครซอฟต์ จะลงทุนในอุตสาหกรรมชิป AI ของตนเองด้วยเช่นกัน แต่นักวิเคราะห์มองว่า มีเพียงบางบริษัทเท่านั้นที่สามารถเทียบเคียงข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีของอินวิเดียได้
ที่มาของข้อมูล Iinterestingengineering
ที่มาของรูปภาพ Nvidia
