TNN พรีวิวฟุตบอลยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศ อิตาลี พบ อังกฤษ

TNN

ยูโร2020

พรีวิวฟุตบอลยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศ อิตาลี พบ อังกฤษ

พรีวิวฟุตบอลยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศ อิตาลี พบ อังกฤษ

พรีวิวฟุตบอล ยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง อิตาลี พบ อังกฤษ ในค่ำคืนนี้ที่สนาม เวมบรีย์ พร้อมทรรศนะจากทีมงาน TNNSPORTS

วันนี้ (12 ก.ค. 64) ศึกฟุตบอลยูโร 2020 เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยครั้งนี้เป็นการพบกันของ อิตาลี ดวลกับ อังกฤษ ที่สนาม เวมบรีย์ ในค่ำคืนนี้ ถ่ายทอดสดทาง ทรูสปอร์ต HD 3 ช่อง 666 เวลา 02.00 น.


ความพร้อมล่าสุด

อิตาลี พรีวิวฟุตบอลยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศ อิตาลี พบ อังกฤษ นี่เป็นการเข้าชิงทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ครั้งที่ 10 ของพลพรรค อัซซูรี่ โดยมีเพียง เยอรมัน (14) เท่านั้นที่เป็นชาติจากยุโรปที่ทำได้มากกว่าพวกเขา อิตาลี คว้าแชมป์ยูโร 1986 แต่ก็แพ้ในอีก 2 ครั้งถัดมาในการเข้าชิงรายการนี้ (2000 และ 2012) โดย เทรนเนอร์ โรแบร์โต้ มันชินี่ ก็ต้องนำทีมเล่นถึง 120 นาที และไปถึงช่วงดวลจุดโทษกว่าจะผ่าน สเปน ในรอบตัดเชือก โดยปัญหาเดียวในทีมของพวกเขาก็คือการขาดหายไปของดาวเด่นอย่าง เลโอนาร์โด้ สปินัซโซล่า แบ็กซ้ายที่เอ็นร้อยหวายฉีกขาดที่ได้รับจากเกมกับ เบลเยียม ในรอบ 16 ทีม ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดพักยาวร่วมครึ่งปี ซึ่งเขายืนยันว่าจะตามมาเชียร์เพื่อนที่เวมบลีย์ ด้วย มันโช่ ต้องตัดสินใจว่าจะยังใช้ เอเมอร์สัน พัลเมรี่ แบ็คซ้ายจาก เชลซี ลงแบ็กซ้ายตัวจริงเหมือนกับเกมที่ผ่าน สเปน ในรอบรองชนะเลิศเหมือนเดิมหรือไม่

11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม

จานลุยจิ ดอนนารุมม่า (GK) - โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, เอเมอร์สัน พัลเมรี่ - นิโกโล่ บาเรลล่า, จอร์จินโญ่, มาร์โก แวร์รัตติ - เฟเดริโก้ เคียซ่า, ชิโร่ อิมโมบิเล่, ลอเรนโซ่ อินซินเญ่


อังกฤษ พรีวิวฟุตบอลยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศ อิตาลี พบ อังกฤษ สิงโตคำราม เป็นชาติที่ 13 ที่ได้เข้าชิงยูโร โดยมีเพียง 3 จาก 12 ครั้งก่อนหน้านี้ที่ชาติเข้าชิงยูโรครั้งแรกเป็นฝ่ายแพ้ โดย อังกฤษ เอาชนะได้ 15 จาก 17 ครั้งที่ผ่านมาที่เวมบลีย์ รวมทุกรายการ (เสมอ 1 แพ้ 1) ทำได้ 46 ประตู และเสียเพียงแค่ 5 ลูกเท่านั้น โดยกุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยืนยันว่า ฟิล โฟเด้น พลาดซ้อมเมื่อวันเสาร์ หลังได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากวันศุกร์ และไม่แน่ว่าจะมีชื่อฟิตทันเกมนี้หรือไม่ แต่ก็ไม่น่าจะกระทบกับทีมอะไรมาก เนื่องจากตั้งแต่ลงตัวจริง 2 เกมแรกของรอบแบ่งกลุ่มแล้ว เขาก็ได้เล่นอีกเพียงเกมเดียวในฐานะตัวสำรองในรอบตัดเชือกเท่านั้น ในรายของขุมกำลังหลักรายอื่นๆ เซาธ์เกต ไม่ต้องกังวลอะไร นั่นทำให้เขาจะโฟกัสไปยังการปรับรูปแบบ และแท็คติกได้อย่างเต็มที่ หลังจากผ่านเกมหนักกับ เดนมาร์ก มาถึง 120 นาที โดย บูคาโย่ ซาก้า เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเดียวในรอบที่แล้ว ซึ่งเขาก็อาจได้ลงตัวจริงในนัดสำคัญต่อเนื่องในแนวรุกร่วมกับ แฮร์รี่ เคน และ ราฮีม สเตอร์ลิง ซึ่งก็มี เจดอน ซานโช่ และ แจ็ค กรีลิช เป็นตัวสอดแทรก

11 คนแรกที่คาดว่าน่าจะลงสนาม

จอร์แดน พิคฟอร์ด (GK) - ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ - คัลวิน ฟิลลิปส์, ดีแคลน ไรซ์ - บูคาโย่ ซาก้า, เมสัน เมาท์, ราฮีม สเตอร์ลิง - แฮร์รี่ เคน


ผู้ตัดสิน : บียอร์น ไคเปอร์ส (ฮอลแลนด์)


TNNSPORTS ชี้ขาดผลการแข่งขัน

เกมสำคัญในนัดชิงชนะเลิศ เป็นคู่ชิงในฝันของแฟนบอลหลายคน เชื่อว่าเกมจะสนุกและเต็มไปด้วยแท็คติคอย่างแน่นอน โอกาสที่ทั้งคู่จะคว้าแชมป์อยู่ที่ครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว เชื่อว่าแดนกลางของทีมใดเก็บบอลได้ คุมเกมได้ น่าจะส่งผลเป็นอย่างยิ่งต่อการคว้าชัยชนะ แนวรุกของทั้งสองทีมคงต้องเพิ่มความเฉียบขาดกว่าหลายๆรอบที่ผ่านมา ทั้ง อิมโมบิเล่ และ เคน สุดท้ายแล้วยังมองว่า อิตาลี มีแนวทางการเล่นเกมรุกที่น่าสนใจมากกว่า รวมทั้งเกมรับที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ดีพอที่จะเชือดหวิวอังกฤษ คาถิ่นเวมบรีย์ในครั้งนี้ได้ แต่ก็มีโอกาสยืดเยื้อไปจนถึงต่อเวลาพิเศษหรือดวลจุดโทษเช่นกัน

สกอร์ที่คาด : อิตาลี ชนะ อังกฤษ 2-1