อินเดีย เผยฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ 2 เข็ม ติดโควิดพันธุ์เดลต้าได้ แต่อาการไม่หนัก

วันนี้ (16 มิ.ย.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา จากไบโอเทค เผยแพร่ข้อมูลจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองเกรละ ของอินเดีย ที่เก็บข้อมูลบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าครบ 2 เข็ม จำนวน 1,322 คน โดยเก็บข้อมูลในช่วงที่โควิดสายพันธุ์อินเดีย หรือ สายพันธุ์เดลต้า ระบาด

พบว่าคนที่ได้รับวัคซีนเข็ม 2 ครบแล้ว อย่างน้อย 2 สัปดาห์ มี 108 คน สามารถติดเชื้อแบบมีอาการได้ คิดเป็นร้อยละ 8.2 โดยผู้ป่วยมีอายุเฉลี่ยประมาณ 32 ปี ระยะห่างโดยเฉลี่ยระหว่าง 2 โดส คือ 30 วัน หรือ 4 สัปดาห์ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นความเสี่ยง เช่น เบาหวาน ความดันสูง โรคปอด หรือ มะเร็ง

ข้อมูลที่น่าสนใจคือ อาการป่วยของ 108 คนดังกล่าว พบว่า มี 62 คน หรือ ร้อยละ 57.4 เป็นไข้ ตามมาด้วยปวดกล้ามเนื้อ และมี 7 คน หรือ ร้อยละ 6.4 ที่ไม่มีอาการ ขณะที่อีก 6 คน หรือ ร้อยละ 5.5 ที่มีอาการหนัก ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจน หรือ เครื่องช่วยหายใจ และในจำนวนผู้ที่ติดเชื้อทั้งหมดไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต

จากการศึกษานี้ ชี้ให้เห็นว่าการติดเชื้อซ้ำในคนที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าครบ 2 โดส สามารถพบได้ แต่อาการไม่รุนแรง ซึ่งน่าจะมาจากภูมิคุ้มกันจากวัคซีนที่ได้รับ และข้อมูลที่น่าสนใจคือการให้วัคซีนเข็มแรก และ เข็มสองห่างกันเพียง 4 สัปดาห์ โดยไม่ต้องรอนานถึง 4 เดือน และเมื่อเทียบกับผลที่ออกมาถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับการรับวัคซีนเพียงโดสเดียว

อย่างไรก็ตาม ประเทศอินเดียแม้พบผู้ติดเชื้อต่ำกว่าแสนต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวานนี้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 60,000 คน ยอดติดเชื้อสะสมเกือบแตะ 30 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 370,000 คน

ล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข เตือนว่า การแข่งกันกลับมาเปิดธุรกิจอาจทำให้โครงการปูพรมฉีดวัคซีนที่ผ่านมาไร้ผล เพราะมีผู้ได้รับวัคซีนเพียงร้อยละ 5 จาก 950 ล้านคน ที่เข้าเกณฑ์ได้รับวัคซีน ขณะที่ แพทย์รายหนึ่ง ทวีตข้อความเตือนว่า กรุงนิวเดลีอาจกลับมาเผชิญการระบาดอีกระลอก หลังจากมีการคลายล็อกดาวน์เร็วเกินไป

สำหรับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดอยู่ที่กว่า 177 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 3.8 ล้านคน