หนองบัวลำภูพบ "สามเณร" ติดโควิด เดินทางจาก กทม.

วันนี้( 8 เม.ย.64) ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภู นางศิวพร  ฉั่วสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมด้วย นายแพทย์สุรพงษ์  ผดุงเวียง นายแพทย์สาธารสุขจังหวัดหนองบัวลำภู นายวิชรินทร์ สุตวันดี ปลัดจังหวัดหนองบัวลำภู แพทย์หญิงดวงสุดา ดาวเศรษฐ์  ผอ.โรงพยาบาลอำเภอศรีบุญเรือง และ นพ.รวมพล เหล่าหว้าน นายแพทย์ด้านเวชกรรมป้องกัน ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายล่าสุด พบในพื้นที่ของ อำเภอศรีบุญเรือง ที่มีการตรวจสอบแล้ว พบว่า เป็นพระลูกวัดดัง (วัดนิมมานรดี) เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร อายุ 21 ปี ที่เดินทางจากวัดในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร เข้ามาในเขตพื้นที่อำเภอศรีบุญเรือง เพื่อทำการติดต่อเรื่องการเกณฑ์ทหาร ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2564  จนถึงวันที่ 6 เมษายน  2564 จึงทราบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กับตัวเอง ขณะนี้พักในห้องแยกความดันลบ (Negative pressure room) รพ.ศรีบุญเรือง เพื่อดูอาการ และอาการโดยทั่วไปตอนนี้อาการดีขึ้นไม่มีไข้ ไอลดลง ฉันภัตราหารได้แล้ว เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา

ด้าน นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ ผวจ.หนองบัวลำภู กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู มีคนติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่เพิ่ม 1 ราย เป็นรายที่ 3 ของจังหวัดหนองบัวลำภู โดยมีกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงทั้งหมด 31 ราย เสี่ยงสูง 30 รายเสี่ยงต่ำ 1 รายส่งตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผลเป็นลบจำนวน 7 ราย ขณะนี้พระลูกดังกล่าวพักรักษาตัวใน รพ.ศรีบุญเรือง อาการโดยทั่วตอนนี้อาการดีขึ้นไม่มีไข้ ไอลดลง ฉันภัตราหารได้แล้ว พร้อมสั่งการให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติตามประกาศศูนย์โควิดฯ มท. พร้อมเร่งตรวจสอบสถานประกอบการ โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงพร้อมทั้งประชาสัมพันธ์แพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus โดยให้สถานประกอบการกิจการ กิจกรรมมีมาตรการป้องกันให้ครบถ้วนตามเกณฑ์การประเมิน Thai Stop COVID Plus และรณรงค์ให้มีการล้างทำความสะอาดสถานที่ชุมชนที่สาธารณะ เช่น ตลาด ส้วมสาธารณะและเข้มงวดภายใต้การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินโดยเคร่งครัด

ด้านนายแพทย์สุรพงษ์ ผดุงเวียง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภู ได้แจ้งว่า สาเณรรูปดังกล่าว ได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2564-5 เมษายน 2564 มีดังนี้ 

-วันที่ 29 มีนาคม  2564 พระสงฆ์ผู้ติดเชื้อ ได้เดินทางโดยสารรถแท็กซี่มากับพระอาจารย์วัดบางแค 1 รูป สวมหน้ากากทั้ง 3 คน จากนั้นได้โดยสารเครื่องบิน สายการบิน Thai viet jet Fligth VZ-208 เวลา 10.10-11.15 น.จากสนามบินสุวรรณภูมิ ถึง สนามบินอุดรธานี มีคนมารับ 1 คน ใส่หน้ากากอนามัยตลอด จากนั้นเดินทางไปงานศพวัดบ้านห้วยหว้า 3 คน อยู่ในงาน 1 ชั่วโมง และเดินทางกลับวัดบ้านเหล่านาดีกับพ่อ ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอนามัย ส่วนคนขับรถเดินทางกับ พระอาจารย์รูปหนึ่งกลับไปยังสนามบินเพื่อส่งพระอาจารย์ กลับกรุงเทพฯด้วยสายการบิน Thai smile  WE9 เวลา 19.50-21.00 น. ผู้ป่วยอยู่จำที่กุฎิวัดรูปเดียว  ขณะอยู่ กุฏิไม่ได้สวมใส่หน้ากากุ

-วันที่ 30 มีนาคม  2564 ฉันภัตตาหารเช้ากับพระวัดบ้านเหล่านาดี 7 รูป นั่งห่างกันประมาณ 1 เมตร วันนี้เริ่มมีอาการไอ มีน้ำมูก ยังได้กลิ่น รับรสปกติ ไม่มีไข้ หลังฉันภัตตาหารเช้า เดินทางไปวัดบ้านห้วยหว้ากับพระวัดบ้านเหล่านาดี 1 รูป ฉันภัตตาหารเพลที่งานศพ บ่ายหลังฉันภัตตาหารเพลแล้ว เดินทางไปที่ว่าการอำเภอกับพ่อและแม่เพื่อติดต่อสัสดี เรื่อง การเกณฑ์ทหาร ซึ่งพ่อแม่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยคุยกับสัสดี ไม่เกิน 5 นาที สวมหน้ากากอนามัยทั้งคู่ แล้วเดินทางกลับวัดบ้านเหล่านาดี 

-วันที่ 31 มีนาคม  2564 ฉันภัตตาหารเช้ากับพระที่วัดบ้านเหล่านาดี 7 รูป  เดินทางไปงานศพทีวัดบ้านห้วยหว้า กับพระวัดบ้านเหล่านาดี รูปเดิม 1 รูป ยังมีไอ มีน้ำมูก จมูกเริ่มได้กลิ่นลดลงรับรสลดลง กลับมาฉันเภตที่วัดบ้านเหล่านาดี แล้วเดินทางไปงานศพที่วัดแจ้งใหญ่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคามพร้อมกับคนขับรถ 1 คน พระ 2 รูป จากวัดบ้านเหล่านาดี อยู่งานศพ 1 ชั่วโมงไม่ได้คุยกับใคร  กลับมาจำวัด ที่วัดแจ้งใหญ่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม 2 คืน

-วันที่ 1 เมษายน 2564 ฉันภัตตาหารเพลที่วัดแจ้งใหญ่ กับพระ 2 รูปที่เดินทางมาด้วยกัน และพระวัดบ้านห้วยหว้า รวม 4 รูป บ่ายเดินทางไปอำเภอบรบือ เยี่ยมญาติพี่น้อง มี พนักงานขับรถ 1 คน พระ 4 รูป โยม 3-4 คนไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย 

-วันที่ 2 เมษายน  2564 เดินทางกลับวัดบ้านเหล่านาดี  โดยรถตู้ มีผู้ป่วย พระ 4 รูป คนขับรถ 1 คน โยม 2 คน  ในวันนี้ เริ่มมีอาการไข้ ปวดตามกล้ามเนื้อร่างกาย ไอ มีน้ำมูก ได้กลิ่นลดลง รับรสลดลง นอนจำวัดทั้งวันลุกไม่ไหว

-วันที่ 3 เมษายน  2564 ฉันภัตตาหารเช้าที่วัดบ้านเหล่านาดี ไม่ได้เดินทางไปไหน เย็นพระเดินทางมาจากจังหวัดร้อยเอ็ดมาจำวัดกุฏิเดียวกัน 4 รูปไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย อาการร่างกายยังเหมือนเดิม

-วันที่ 4 เมษายน  2564 ฉันภัตตาหารเช้าที่วัดบ้านห้วยหว้า ฉันเพลที่วัดบ้านเหล่านาดี ไม่ได้เดินทางไปไหนอีก 

-วันที่ 5 เมษายน  2564 ฉันภัตตาหารเช้าและเพล ที่วัดบ้านห้วยหว้า บ่ายจำวัดที่ วัดบ้านดอนนาดี ต่อมาเวลา 17.00 น. อาการไม่ดีขึ้น จึงเดินทางไปที่ โรงพยาบาลอำเภอศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู โดยรถยนต์ส่วนตัว กับ โยมพ่อและโยมแม่หลานสาวอายุ 5 ขวบ ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอนามัย และทราบผลอาการป่วยติดเชื้อในเวลาต่อมา 

ส่วนด้านคณะสงฆ์ โดยพระครูโอภาสนวการ รองเจ้าคณะอำเภอศรีบุญเรืองปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าคณะอำเภอศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู  ได้ออกประกาศ มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อวันที่ 7 เมษายน  2564 หลังพบว่ามีพระสงฆ์รูปหนึ่งได้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงให้พระสงฆ์ในเขตตำบลศรีบุญเรือง เขต 2 ให้งดกิจกรรมทางศาสนาที่มีคนหมู่มาก งดรับกิจนิมนต์ ยกเว้นเฉพาะงานศพให้พระภิกษุสงฆ์สามเณรที่ สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ต้องกักตัว 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 7 -21 เมษายน  2564 และขอให้พระภิกษุสงฆ์สามเณร ปฏิบัติตามมาตรการและคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ซึ่งประกาศดังกล่าว ลงวันที่ 7 เมษายน  2564

สำหรับเรื่องนี้ พระราชวชิรธาดา เจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่พระลูกวัดดัง ติดเชื้อโควิด-19 นี้ตนไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก เพราะจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในพื้นที่ พระและสามเณรทุกรูปถูกกับตัวอยู่กับวัด ชุมชนโดยรอบก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ด้วยเหตุเพราะพระสงฆ์ต่างก็มีความจำเป็นต้องปฏิบัติภารกิจสงฆ์ เช่นบิณฑบาต ออกเทศนาเป็นต้น การเป็นอยู่ของพระสงฆ์ที่วัดมีความเป็นอยู่ยากขึ้นเพราะวัดต้องปิดตัวมีป้ายปิดหน้าประตูวัดห้ามบุคคลภายนอกเข้าออก สภาพเหมือนวัดร้าง แต่ภายในกลับมีพระที่จะต้องถูกกักตัวอยู่ 

จากเหตุการณ์นี้หากวัดอื่นๆ ต้องอยู่ในสภาวะอย่างนี้อีกก็จะไม่เป็นผลดีต่อพระพุทธศาสนา เพราะหากมีการติดเชื้อก็จะไม่เป็นผลดีในภาพรวม หลังจากมีการกระจายข่าวพระลูกวัด มีผลโควิด-19 เป็นบวก ทางวัดก็ทำการปิดตนเองเพื่อตรวจสอบกันภายในว่ามีผู้ติดเชื้อหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ติดเชื้อเข้าไปรักษาแล้ว โดยทางวัดก็จะทำการกักตนเองไปอีก 14 วัน โดยการขบฉันจะมีผู้มาถวายที่หน้าวัด หลังจากที่พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิดเห็นได้ชัดว่าพระภิกษุสามเณรก็มีกำลังใจดีขึ้น ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือ สวดมนต์ ทำภาวนา ปฏิบัติธรรมดูแลตนเองเพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลา 14 วัน