ผลตรวจสอบ "แอสตราเซเนกา" โยงลิ่มเลือดอุดตันแต่เกิดขึ้นน้อย

วันนี้( 8 เม.ย.64) นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผย ความคืบหน้าการทบทวนด้านความปลอดภัยของการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา หลังเกิดภาวะลิ่มเลือดในผู้ที่ได้รับวัคซีน ซึ่งตรวจสอบโดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของอังกฤษและสหภาพยุโรป มีข้อสรุปว่า ภาวะลิ่มเลือดผิดปกติและภาวะเกร็ดเลือดต่ำ มีความสัมพันธ์กับการรับวัคซีน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นหลังได้รับวัคซีนเข็มแรก แต่เป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นน้อยมาก ซึ่งทั้งสองหน่วยงานจะเก็บข้อมูลต่อไปว่าความเป็นไปได้นั้นมีหลักฐานยืนยันชัดเจนหรือไม่ 

นอกจากนี้ ภาวะลิ่มเลือดยังแปรผันตามเชื้อชาติและวิถีชีวิตของประชากรชาตินั้นๆ โดยคนเอเชียมีโอกาสเกิดต่ำกว่ายุโรป แต่ไทยจะติดตามข้อมูลและศึกษาอย่างใกล้ชิดคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ขณะที่องค์การอนามัยโลกยังไม่มีข้อแนะนำให้หยุดฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา 

ส่วนความคืบหน้าการผลิตวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกาโดยบริษัท สยามไบโอไซแอนซ์ ยังเป็นไปตามแผน ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งตัวอย่างไปตรวจสอบคุณภาพที่ประเทศสก็อตแลนด์และสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะได้รับการรับรอง และทยอยส่งกลับมาในช่วงกลางเดือนนี้ ซึ่ง จะทำให้แผนการส่งมอบวัคซีนเป็นไปตามที่กำหนดในระหว่างนี้จะใช้วัคซีนจากซิโนแวคไปก่อน

ขณะที่ หลายประเทศในยุโรป ประกาศจำกัดการใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา เริ่มจาก อิตาลีที่แนะนำให้ใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา เฉพาะกับประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเท่านั้น หลังหารือกับบรรดาผู้เชี่ยวชาญแล้ว สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนโดสแรกไปแล้ว ก็สามารถรับวัคซีนโดสที่ 2 ได้ 

ด้าน สเปน จำกัดการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาให้แก่ผู้สูงอายุ เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงการเกิดภาวะลิ่มเลือด โดยรัฐมนตรีสาธารณสุขสเปน ประกาศหลังประชุมร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระดับภูมิภาคว่า รัฐบาลจะจำกัดการฉีดวัคซีนให้เฉพาะประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเท่านั้น

ขณะเดียวกัน รัฐบาลอังกฤษ แนะนำว่า จะไม่ใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา กับผู้ใหญ่อายุต่ำกว่า 30 ปี เพราะหลักฐานการเกิดลิ่มเลือดตามที่ EMA เผยแพร่ข้อมูล คำแนะนำดังกล่าวมีขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่กำกับดูแลวัคซีนในอังกฤษและสหภาพยุโรป ย้ำว่า ประโยชน์ของวัคซีนยังคงมีมากกว่าความเสี่ยงสำหรับประชาชนส่วนใหญ่ 

ผลการสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า ปัจจุบันชาวยุโรปมีความเคลือบแคลงสงสัยในวัคซีนโควิดมากที่สุดในโลก และข่าวเรื่องผลข้างเคียงจากวัคซีนของแอสตราเซเนกาซึ่งผลิตร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ดของอังกฤษ ทำให้ชาวยุโรปจำนวนมากปฏิเสธที่จะรับวัคซีนนี้