
การลดความอ้วนอาจเป็นสิ่งที่ท้าทายหรือทำได้ยากสำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะเมื่อต้องรักษาวินัยในการควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกาย แต่นักวิจัยอาจกำลังเข้าใกล้การรักษาโรคอ้วนมากขึ้น โดยการปรับปรุงโครงสร้างเซลล์ในร่างกายของเรา เช่น การลบโปรตีนที่เป็นกุญแจสำคัญของโรคอ้วนออกไป
โปรตีน Mitch อาจเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาโรคอ้วน ?
ก่อนหน้านี้ในปี 2016 นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์ไวซ์มันน์ ประเทศอิสราเอล นำโดยอาทัน กรอสส์ (Atan Gross) หัวหน้าห้องปฏิบัติการ Gross Lab ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับยีนของหนู และได้ค้นพบยีนตัวหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ ยีนนั้นชื่อว่า มิตช์ (Mitch) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ MTCH2 เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ตามบริเวณขอบของไมโตคอนเดรีย (mitochondria อวัยวะขนาดเล็กของเซลล์ ทำหน้าที่สร้างพลังงาน) และโปรตีน Mitch นี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาโรคอ้วน เนื่องจากการลบโปรตีน Mitch ออกจากร่างกาย ทำให้ปริมาณไขมันในเยื่อหุ้มเซลล์ลดลงอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการเผาผลาญไขมันเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานเพิ่มมากขึ้นด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น นักวิจัยพบว่า หนูที่โปรตีน MTCH2 ถูกปิดการทำงาน (Silenced) หรือถูกลบออก สามารถพัฒนาความสามารถในการเล่นกีฬาได้เพิ่มมากขึ้น โดยจะมีเส้นใยกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ความแข็งแรงและการทำงานของหัวใจดีขึ้น รวมถึงแม้ว่าจะมีการให้อาหารที่มีไขมันสูง และไม่ได้ให้หนูออกกำลังกาย แต่พวกมันก็ยังคงผอม
สรุปข่าว
นักวิจัยพบว่าการลบโปรตีน Mitch ออกไป ทำให้ปริมาณไขมันในเซลล์ลดลงอย่างมาก แต่อาจส่งผลกับการหลอมรวมไมโตคอนเดรีย และอาจส่งผลข้างเคียง นี่อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกรักษาโรคอ้วน และทำให้มนุษย์เข้าใจการเกิดโรคอ้วนได้ดียิ่งขึ้น
โปรตีน Mitch อาจส่งผลต่อร่างกายของมนุษย์ด้วย
ต่อมาในปี 2025 Gross และทีมได้ศึกษาเกี่ยวกับโปรตีน Mitch เพิ่มเติม ทดลองกับเซลล์เพาะเลี้ยงในห้องแล็บ โดยใช้เซลล์ 2 ชนิด คือ 1. HeLa cells เป็นเซลล์มะเร็งปากมดลูกของมนุษย์ และ 2. NIH3T3L1 preadipocytes ซึ่งเป็นเซลล์ที่ได้จากหนู การวิจัยแสดงให้เห็นว่าผลลัพธ์ที่โปรตีน Mitch ส่งผลต่อร่างกายของหนู อาจสามารถนำไปใช้ได้กับเซลล์ของมนุษย์ด้วยเช่นกัน
ซาบิตา ชูราเซีย (Sabita Chourasia) นักศึกษาปริญญาเอกของห้องปฏิบัติการ Gross Lab และเป็นผู้นำการวิจัยล่าสุดอธิบายว่า “หลังจากลบ Mitch ออกไปแล้ว เราก็ตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสารมากกว่า 100 ชนิดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญในเซลล์ของมนุษย์ทุก ๆ 2 - 3 ชั่วโมง พบว่าการหายใจในระดับเซลล์เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการที่เซลล์ผลิตพลังงานจากสารอาหาร เช่น คาร์โบไฮเดรตและไขมันโดยใช้ออกซิเจน”
อย่างไรก็ตาม การวิจัยพบว่า Mitch ส่งผลกระทบหลายชั้น คือไม่เพียงแต่มีบทบาทในการควบคุมการเผาผลาญไขมัน แต่ยังเป็นตัวควบคุมหลักของการหลอมรวมไมโตคอนเดรียด้วย โดยทีมวิจัยค้นพบว่าหากไม่มี Mitch เครือข่ายไมโตคอนเดรียที่หลอมรวมเข้าด้วยกันภายในเซลล์ของเราก็จะพังทลาย ซึ่งไมโตคอนเดรียเปรียบเสมือนโรงงานผลิตพลังงานภายในเซลล์ ดังนั้นเมื่อมันพังทลายก็จะทำให้เซลล์ไม่สามารถผลิตพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือพูดอีกอย่างก็คือ เซลล์จะต้องได้รับเชื้อเพลิงอย่างไขมันหรือน้ำตาลมากขึ้นอย่างกะทันหันเพื่อให้ได้พลังงานเท่าเดิม
ไม่เพียงเท่านั้น Mitch ยังส่งผลต่อเซลล์ต้นกำเนิดด้วย (Progenitor Cells) ทั้งนี้ Progenitor Cell เปรียบเสมือนเซลล์อายุน้อยและมีความยืดหยุ่น สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์อื่น ๆ ได้ เช่น เติบโตเป็นเซลล์ไขมัน หรือ เซลล์กล้ามเนื้อ ฯลฯ แต่ทีมวิจัยพบว่าหากลบ Mitch ออกไป เซลล์ต้นกำเนิดจะไม่สามารถเติบโตไปเป็นเซลล์ไขมันได้
Mitch เป็นความหวังในการรักษาโรคอ้วนจริงหรือ ?
แม้ Mitch จะเกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย แต่มันก็ส่งผลต่อด้านอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้วการบำบัดด้วยการลบยีน Mitch ออกจากร่างกาย จึงอาจต้องใช้ในสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงมาก ๆ เท่านั้น เช่น อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนักเพื่อความสวยงาม แต่อาจอาจใช้เพื่อการรักษาโรคอ้วนร้ายแรงเท่านั้น
นอกจากนี้แล้ว การลบ Mitch ออกจากร่างกายยังอาจเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงอีกด้วย โดยในปี 2017 ทีมวิจัยของ Gross ได้ค้นพบว่าการลบโปรตีน Mitch นั้นทำให้สูญเสียฟังก์ชันทางปัญญาที่สำคัญ เช่น ความจำเชิงพื้นที่ ความสามารถในการเรียนรู้ และโรคอัลไซเมอร์ขั้นรุนแรง
แต่อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ทำให้มนุษย์เราเข้าใจการเกิดโรคอ้วนได้ดียิ่งขึ้น และอาจเป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคอ้วนรุนแรงด้วย
งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร The EMBO Journal ฉบับวันที่ 3 มกราคม 2025
ที่มารูปภาพ : Karsten Paulick from Pixabay