

สรุปข่าว
ความมั่นคงด้านเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาก้าวไปอีกขั้น เมื่อ 7 บริษัทชั้นนำด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) สัญชาติอเมริกัน ให้คำมั่นสัญญาโดยสมัครใจกับทำเนียบขาวที่จะใช้มาตรการด้านความปลอดภัยต่าง ๆ เพื่อจัดการความเสี่ยงและช่วยให้เทคโนโลยีดังกล่าวปลอดภัยยิ่งขึ้น หลังจากที่ AI มีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด และทำให้เกิดความกลัวต่อการแพร่กระจายของข้อมูลที่ผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024
โดยเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม บริษัททั้ง 7 ซึ่งประกอบด้วย แอมะซอน (Amazon), แอนโธรพิก (Anthropic), กูเกิล (Google), อินเฟล็กชัน (Inflection), เมตา (Meta), ไมโครซอฟต์ (Microsoft) และโอเพนเอไอ (OpenAI) ได้เข้าร่วมการแถลงครั้งนี้ พร้อมกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ ที่ทำเนียบขาว
ไบเดนกล่าวว่า คำมั่นสัญญานี้เป็นความก้าวหน้าที่ดี แต่ก็ยังมีงานที่ต้องทำร่วมกันอีกมากในอนาคต พร้อมย้ำถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับศักยภาพของเอไอที่อาจถูกใช้ในทางที่ไม่พึงประสงค์ โดยกล่าวว่าจะต้องระแวดระวังเกี่ยวกับภัยคุกคามจากเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ ที่อาจส่งผลต่อระบอบประชาธิปไตยและค่านิยมของสหรัฐ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านความปลอดภัยของปัญญาประดิษฐ์ (AI) บริษัทต่างๆ ร่วมลงนามในข้อตกลงด้านความปลอดภัย ดังนี้ :
1. ทดสอบความปลอดภัยของระบบ AI โดยผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภายในและภายนอกก่อนที่จะเผยแพร่
2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการแปะป้ายกำกับเนื้อหาที่ผลิตโดย AI เพื่อให้ผู้คนทราบ อาทิ การใช้ลายน้ำ (watermarks)
3. รายงานความสามารถและข้อจำกัดของ AI ต่อสาธารณะเป็นประจำ
4. วิจัยความเสี่ยงต่าง ๆ ของ AI เช่น อคติ การเลือกปฏิบัติ และการบุกรุกความเป็นส่วนตัว
ทำเนียบขาวยังกล่าวด้วยว่า เป้าหมายสำคัญคือการช่วยให้ ผู้คนสามารถระบุได้ง่ายขึ้นว่าเนื้อหาออนไลน์ใดที่สร้างขึ้นโดย AI
ทั้งนี้ แนวทางความปลอดภัยโดยสมัครใจที่บริษัทเทคโนโลยีทั้ง 7 ลงนามเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นขั้นตอนไปสู่การสร้างกฎระเบียบเกี่ยวกับ AI ที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในสหรัฐอเมริกา
โดยรัฐบาลก็กําลังดำเนินการเรื่องคําสั่งของประธานาธิบดี (executive order) หรืออำนาจในการสั่งการโดยตรงของผู้นำสหรัฐในประเด็นดังกล่าวด้วยเช่นกัน และจะทํางานร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างกรอบการทํางานระหว่างประเทศเพื่อควบคุมการพัฒนาและการใช้ AI ท่ามกลางความกังวลว่ามันอาจโตเร็วเกินควบคุมจนเป็นอันตรายต่อสังคมและมนุษยชาติ
ที่มาของรูปภาพ Reuters
ที่มาข้อมูล : -