ยุโรปเริ่มฉีดวัคซีนฝีดาษลิง ด้าน WHO เตือนอย่าแย่งกันซื้อวัคซีน หวั่นขาดแคลน

วันนี้ (25 พ.ค.65) สื่อต่างประเทศรายงานว่า หลายประเทศในยุโรปเริ่มฉีดวัคซีนป้องกัน "โรคฝีดาษลิง" ให้แก่ประชาชนแล้ว โดยสหราชอาณาจักรฉีดไปแล้ว 1,000 คน เฉพาะผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง และบุคลากรการแพทย์ที่ดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเท่านั้น และยังเตรียมวัคซีนอีก 3,500 เข็มพร้อมใช้ 

ทั้งนี้ สถานการณ์ระบาดของฝีดาษลิงในสหราชอาณาจักร เมื่อช่วงที่ผ่านมา ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ยืนยันแล้วเกือบ 100 คน ส่วนสหภาพยุโรป หรืออียู พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงยืนยันแล้วทั้งหมด กว่า 70  คน

ด้าน ประเทศ ฝรั่งเศส ได้เริ่มฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงสูงและบุคลากรการแพทย์ เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสฝีดาษลิงแล้ว

ส่วนประเทศต่าง ๆ ในยุโรป กำลังเร่งรีบหาซื้อวัคซีนฝีดาษลิง หลังเกิดความหวั่นกลัวว่า วัคซีนจะไม่เพียงพอ และในยุโรปมีวัคซีนฝีดาษลิงเพียงตัวเดียวเท่านั้น ที่หาได้ในขณะนี้

ขณะที่ สำนักงานเตรียมการและรับมือสถานการณ์สุขภาพฉุกเฉิน หรือ HERA สังกัดคณะกรรมาธิการยุโรป กำลังเจรจาซื้อวัคซีนต้านฝีดาษ กับบริษัทผลิตวัคซีนฝีดาษ ชื่อว่า "บาวาเรียน นอร์ดิค" ของเดนมาร์ก รวมทั้งองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ก็กำลังเจรจากับบริษัทนี้อยู่เช่นกัน

โดย องค์การอนามัยโลก ยังเตือนว่า จะเกิดผลกระทบในด้านลบ หากแย่งกันซื้อวัคซีนและยาต้านฝีดาษลิง ทั้ง ๆ ที่จำนวนผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในยุโรปยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากวัคซีนและยามีจำนวนจำกัด และยังมีบางตัว ยังไม่ได้รับใบอนุญาตให้วางตลาดได้อย่างเต็มที่ และควรใช้มาตรการที่เหมาะสมกับระดับของความเสี่ยงที่ยังอยู่ในระดับต่ำ

ด้าน บริษัท บาวาเรียน นอร์ดิค ผู้ผลิตวัคซีนต้านไวรัสฝีดาษชื่อ "Imvanex" เชื่อมั่นว่า สามารถผลิตวัคซีนต้านฝีดาษได้เพียงพอ ถ้าหากว่าความต้องการซื้อวัคซีนไม่พุ่งสูงลิ่วอย่างฉับพลันทันที โดยบริษัทสามารถผลิตวัคซีนฝีดาษได้ 8 ล้านเข็มต่อปี หากเป็นวัคซีนชนิดผงแห้ง (Freeze Dried) และ 14 ล้านเข็มสำหรับวัคซีนชนิดเหลวแช่แข็ง 

วัคซีนตัวนี้ได้รับอนุมัติให้ใช้รักษาฝีดาษในคนในสหภาพยุโรป หรืออียู ส่วนในสหรัฐฯ และแคนาดาได้รับอนุมัติให้รักษาฝีดาษลิงได้ด้วย

ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญระบุถึงสถานการณ์ฝีดาษลิงปัจจุบันว่า ยังไม่ถึงขั้นต้องระดมฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนหมู่มาก และสถานการณ์ฝีดาษลิงแตกต่างไปจากโควิด-19 อย่างมาก 

สแตธิส จิโอทิส อาจารย์ด้านไวรัสวิทยา มหาวิทยาลัยเอสเซ็กซ์และอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ยืนยันว่า สถานการณ์ไวรัสฝีดาษลิง แตกต่างจากโควิด-19 เนื่องจากฝีดาษลิงเป็นไวรัสที่เรารู้จักกันอยู่แล้ว เป็นไวรัสประเภทที่เรียกว่า ไวรัส DNA ขณะที่โควิดเป็นไวรัสชนิด RNA 

นอกจากนี้ ฝีดาษลิงมีวัคซีนและยารักษา และผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ไม่สามารถแพร่โรคไปสู่ผู้อื่นได้ ทำให้ไวรัสฝีดาษลิงสามารถควบคุมได้ง่ายกว่าโควิด และในขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนหมู่มาก

ผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ ระบุว่า มาตรการวัคซีนที่สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสใช้อยู่นี้ คือฉีดวัคซีนให้เฉพาะกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงและบุคลากรการแพทย์เท่านั้น จึงเป็นมาตรการที่สมเหตุสมผลแล้ว. 

ภาพจาก Reuters