รัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนเต็มรูปแบบ ระดมยิงปืนใหญ่-ขีปนาวุธถล่มเมือง

วันนี้ (24ก.พ.65) กองทัพรัสเซียเปิดฉากใช้ขีปนาวุธยิงโจมตีเมืองใหญ่ ๆ ของยูเครนและส่งทหารเข้ามายังบริเวณชายฝั่งทะเลตั้งแต่ช่วงก่อน 06.00 น. ตามเวลาในกรุงมอสโก หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน  ของรัสเซีย ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์ อนุมัติในสิ่งที่เขาเรียกว่า ปฎิบัติการพิเศษทางทหารในพื้นที่ตะวันออก 

โดยหลังจากปูตินกล่าวปราศรัยทางโทรทัศน์ของทางการรัสเซียได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงระเบิดหลายครั้งในเช้าตรู่ในกรุงเคียฟของยูเครน 

สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ ของรัสเซียรายงานว่า เสียงปืนรัวดังต่อเนื่องที่บริเวณสนามบินหลักของกรุงเคียฟและมีเสียงไซเรนเตือนภัยดังขึ้นในเมืองหลวง 

ขณะที่กองกำลัง รถถัง และยานยนต์หุ้มเกราะของกองทัพรัสเซียบุกเข้ายูเครนจากทุกทิศทาง ทั้งข้ามพรมแดนจากเบลารุสเข้าไปทางเหนือของกรุงเคียฟ รวมถึงเข้าไปทางใต้จากภูมิภาคไครเมีย ที่รัสเซียผนวกมาเป็นดินแดนของตนเองในปี 2557

ประธานาธิบดีปูตินแถลงในเวลาต่อมาว่า ปฏิบัติการทางทหารในยูเครนที่เกิดขึ้นเป็นการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่รัสเซียกำลังเผชิญ รัสเซียไม่มีทางเลือก นอกจากต้องปกป้องตนเองจากภัยคุกคามที่มาจากยูเครนยุคใหม่ รัสเซียจะตอบโต้ทันทีหากกองกำลังภายนอกพยายามใช้ปฏิบัติการแทรกแซง 

ซึ่งจะต้องเผชิญกับผลที่ไม่เคยเจอมาก่อน รัสเซียจะปลดอาวุธและปลดความเป็นนาซีนิยมในยูเครน ขอยืนยันว่า รัสเซียไม่มีเป้าหมายยึดครองยูเครน และรัฐบาลยูเครนจะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบหากเกิดการนองเลือด พร้อมเรียกร้องให้ทหารกองทัพยูเครนวางอาวุธ 

สำนักข่าวอาร์ไอเอ ของรัสเซียรายงานอ้างแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นมีเป้าหมายทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารในยูเครนเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพยูเครน และโครงสร้างพื้นฐานที่ฐานทัพหลายแห่งในยูเครนอยู่ในสภาพที่ใช้งานไม่ได้แล้ว ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อโจมตีเมืองต่าง ๆ และไม่ได้เป็นภัยต่อพลเรือนในยูเครน พร้อมปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า รถหุ้มเกราะถูกทำลายเสียหายและเครื่องบินถูกตกในยูเครน 

ขณะที่ทางยูเครนอ้างว่า ยิงเครื่องบินรัสเซียตกไป 5 ลำ นอกจากนั้น ยังระบุว่า  มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 8 คน บาดเจ็บอีก 9 คน จากการระดมโจมตีของฝ่ายรัสเซีย ซึ่งหลั่งไหลข้ามชายแดนไปยังแคว้นเชอร์นิกอฟ คาร์คิฟ และลูฮันสก์ ทางตะวันออก และทหารรัสเซียยังยกพลขึ้นบกที่เมืองโอเดสซา และมารียูปอล ทางภาคใต้ ถือเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดที่ประเทศหนึ่งกระทำต่ออีกประเทศหนึ่งในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา 

การโจมตีจากรัสเซีย ทำให้ผู้คนแห่เดินทางออกจากกรุงเคียฟของยูเครน ยวดยานบนถนนหลั่งไหลไปในทิศเดียวกัน คือการมุ่งไปทางทิศตะวันตกที่ตรงข้ามกับรัสเซีย เพื่อไปยังที่ที่ปลอดภัยให้ได้โดยเร็วที่สุด หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นโปแลนด์ที่ใช้เวลาขับรถนาน 3-5 ชั่วโมงถึงพรมแดน ส่งผลให้การจราจรติดขัดคับคั่งจนถึงขั้นหยุดนิ่ง 

ขณะที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นหลุมหลบภัย มีผู้คนที่มาพร้อมกับสัมภาระโดยมากันเป็นกลุ่ม ๆ อย่างเป็นระเบียบ และไม่ได้ทำให้บริการเดินรถไฟเป็นปัญหาแต่อย่างใด 

ชายคนหนึ่ง กล่าวว่า ได้ยินเสียงไซเรนแจ้งเตือนภัยการโจมตีทางอากาศดังขึ้นตั้งแต่เช้า ทุกคนลุกขึ้นจากเตียงอย่างตื่นตระหนก เพราะเสียงระเบิดดังสนั่นที่เกิดขึ้นรอบตัว 

สื่อบีบีซีรายงานว่า ชาวยูเครนจำนวนมากเตรียมพร้อมไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่ากองทัพรัสเซียจะต้องเปิดฉากโจมตียูเครนแน่ แต่ต่างบอกว่าตกใจกับปฏิบัติการทางทหารที่รวดเร็วแบบสายฟ้าแลบเช่นนี้

ภาพจาก AFP