TNN online นักวิทย์ฯ เปลี่ยน "ไม้" ให้มีความแข็งแรงมากกว่าเหล็กกล้าถึง 23 เท่า ใช้ทำตะปูหรือมีดได้ด้วย

TNN ONLINE

Tech

นักวิทย์ฯ เปลี่ยน "ไม้" ให้มีความแข็งแรงมากกว่าเหล็กกล้าถึง 23 เท่า ใช้ทำตะปูหรือมีดได้ด้วย

นักวิทย์ฯ เปลี่ยน ไม้ ให้มีความแข็งแรงมากกว่าเหล็กกล้าถึง 23 เท่า ใช้ทำตะปูหรือมีดได้ด้วย

เมื่อไม้สามารถเปลี่ยนให้แข็งแรงเท่าโลหะได้ แถมยังมีราคาถูกกว่าด้วย ในอนาคตเราอาจจะได้ใช้มีดที่ทำจากไม้ก็เป็นได้

ไม้ วัสดุที่นิยมใช้ในงานก่อสร้างมากมายและได้รับความนิยมโดยเฉพาะในเรื่องของความสวยงามหรูหรา แต่ก็ต้องแลกมาด้วยควรเปราะบางของเนื้อไม้ เพียงฟัน 2-3 ฉับก็สามารถทำลายไม้ชิ้นนั้นได้ ดังนั้น หากเราสามารถเสริมสร้างความแข็งแรงให้เนื้อไม้ได้ มันคงมีประโยชน์ในการประยุกต์ใช้งานอย่างมากเลยทีเดียว




นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ เปิดเผยถึงงานวิจัยใหม่ในการเปลี่ยนเนื้อไม้อันอ่อนแอให้แข็งแรงเท่าเหล็กกล้า โดยเรียกพวกมันว่า Hardened Wood (HW) อีกทั้งกระบวนการทำมีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงมากนัก อาจกลายเป็นทางเลือกที่นำมาใช้แทนเหล็กกล้าได้


นักวิทยาศาสตร์สาธิตคุณสมบัติของ Hardened Wood ที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการ โดยมีอยู่ด้วยกัน 2 ตัวอย่าง คือการนำมาทำตัวมีดที่มีความคมกว่าเหล็กกล้าถึง 3 เท่า สามารถตัดเนื้อสเต็กเหนียว ๆ ได้ดีมาก และอีกตัวอย่างหนึ่งคือตะปูไม้ที่ไม่เกิดสนิม และสามารถตอกทะลุไม้อัด 3 ชั้นได้อย่างสบาย ๆ

นักวิทย์ฯ เปลี่ยน ไม้ ให้มีความแข็งแรงมากกว่าเหล็กกล้าถึง 23 เท่า ใช้ทำตะปูหรือมีดได้ด้วย


เต็ง ลี่ (Teng Li) หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่สร้าง Hardened Wood กล่าวว่า เนื้อไม้ประกอบด้วยเซลลูโลส (Cellulose) ซึ่งเป็นสารที่มีความแข็งแรงพอ ๆ กับเซรามิกและโลหะ อย่างไรก็ตาม ในเนื้อไม้มิได้มีแต่เซลลูโลสเพียงอย่างเดียว มันยังมีสารจำพวกเฮมิเซลลูโลสและลิกนินอีกครึ่งหนึ่ง ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้มีความเปราะบางกว่าเซลลูโลส จึงทำให้เนื้อไม้มีความเปราะบางตามไปด้วย


ดังนั้น กระบวนการสร้าง Hardened Wood จึงเป็นการกำจัดส่วนประกอบที่ทำให้เกิดความเปราะบางในเนื้อไม้ออกเสีย จากนั้นจึงใช้แรงดันเพื่อรีดน้ำส่วนเกินออกให้เนื้อไม้แห้งและแข็งแรงอัดแน่นไปด้วยเซลลูโลส เท่านี้ก็จะได้ Hardened Wood ที่สามารถนำไปตัดแต่งเพื่อสร้างอุปกรณ์หรือเครื่องมือแทนเหล็กกล้าได้แล้ว โดยพวกมันมีความแข็งแรงมากกว่าเหล็กกล้าถึง 23 เท่า และในอนาคตคาดว่าจะถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ด้วยราคาที่ถูกกว่าเหล็กกล้านั่นเอง


ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก Techspot

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง