ใครดี ใครเด็ด! เทียบกันชัด ๆ Ray-Ban Stories ปะทะ Xiaomi Smart Glasses
จะมาเป็นแว่นตาอัจฉริยะเหมือนกันมันไม่ได้ งานนี้ใครดีด้านไหน ฟีเจอร์ของใครจะเด่นกว่า ต้องมาดู!
พึ่งเปิดตัวกันไปได้ไม่นานนี้เองสำหรับแว่นตาอัจฉริยะจากสองบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ Facebook กับแว่นตา ‘Ray-Ban Stories’ และ Xiaomi กับ ‘Xiaomi Smart Glasses’ แน่นอนว่าต่างก็เป็นแว่นตาอัจฉริยะคล้ายกันขนาดนี้ จึงต้องขอเอามาเทียบสเป็กให้ดูกันชัด ๆ อีกทีว่าดีไซน์ใครดี ฟังก์ชั่นใครเด็ดกว่ากัน!
เริ่มต้นที่งานดีไซน์
สำหรับฝั่ง Facebook คว้าตัวแบรนด์แว่นตาแฟชั่นระดับโลกอย่าง Ray-Ban เข้ามาร่วมวงด้วย จนเกิดเป็นแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Stories ที่ไม่ได้ดูแข็งทื่อ เทคจ๋าจนเกินไปแต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นแว่นตาแฟชั่นไว้อย่างครบถ้วน ด้วยงานดีไซน์ที่มีให้เลือกแบบจัดเต็มกันไปเลยกับกรอบแว่น 3 สไตล์ Round, Wayfarer และ Meteor พร้อมเลนส์อีก 6 แบบ และสีสันของแว่นตากว่าอีก 5 สี
ส่วนทางฝั่ง Xiaomi Smart Glasses เน้นไปทางความเรียบหรู ดูดี ตามสไตล์แว่นทรงคลาสสิค กรอบหนาสีดำ เรียบ ๆ แต่ซ่อนความไฮเทคไว้เพียบ และน้ำหนักเบาเพียง 51 กรัมเท่านั้น ถือว่าไม่ได้หนักมาก ใส่ได้สบาย ๆ
ทำอะไรได้มากกว่าแค่เป็น ‘แว่นตา’
ขึ้นชื่อว่าเป็นแว่นตาอัจฉริยะ จะมาใส่สวย ๆ เก๋ ๆ อย่างเดียวคงไม่ได้ ดังนั้นทั้งสองแบรนด์จึงใส่ฟังก์ชั่นการใช้งานเด็ด ๆ เข้ามาเพียบ มาดูกันว่ามีอะไรที่ทั้งสองแบรนด์เหมือนและต่างกันบ้าง
กล้อง และจอภาพ
ทั้งสองแบรนด์มีกล้องสำหรับถ่ายภาพความละเอียด 5 ล้านพิกเซลเท่ากัน แต่ทางฝั่ง Ray-Ban Stories เคลมมาด้วยว่าสามารถรองรับการถ่ายภาพนิ่งได้สูงสุดถึง 500 ภาพและบันทึกวิดีโอได้สูงสุด 30 วิดีโอ
ส่วนฝั่ง Xiaomi Smart Glasses ยังไม่ได้มีรายละเอียดที่ชัดเจนออกมาว่าจะมีการรองรับการถ่ายภาพที่ความจุเท่าไหร่ แต่ที่โดดเด่นกว่าคือการที่เลนส์แว่นตาจะมีหน้าจอ MicroLED ขนาดเล็ก ที่สามารถส่งข้อมูลแจ้งเตือนต่าง ๆ เช่น ข้อความ สายเรียกเข้า แผนที่ หรือภาพถ่ายมาที่จอภาพ ให้เรามองเห็นได้โดยตรง ต่างกับของ Ray-Ban Stories ที่ไม่ได้มีฟังก์ชั่นนี้แต่อย่างใด
ไมโครโฟน ลำโพง
Ray-Ban Stories และ Xiaomi Smart Glasse มีลำโพงและไมโครโฟนที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้ ใช้สำหรับฟังเพลง รับสายเรียกเข้าได้ โดยทางฝั่ง Ray-Ban Stories ระบุว่าสามารถฟังเพลงได้ยาวนานสูงสุดถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว
การเชื่อมต่อและแบตเตอรี่
ทั้ง Ray-Ban Stories และ Xiaomi Smart Glasse สามารถเชื่อมต่อ Wifi และ Bluetooth 5.0 โดย Ray-Ban Stories สามารถชาร์จผ่านเคสหรือสาย USB-C ได้ และเคลมว่าแบตเตอรี่ทนทาน ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน
ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ
Ray-Ban Stories รองรับคำสั่งเสียง (voice assistant) และสามารถใช้งานคู่กับแอปพลิเคชัน Facebook View เพื่อแชร์เรื่องราวไปยังแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram, WhatsApp, Messenger, Twitter, TikTok, Snapchat ได้ เช่นถ้าอยากถ่ายภาพก็แค่เรียก ‘Hey Facebook’ เท่านั้น ส่วนทางฝั่ง Xiaomi Smart Glasse ก็มีเหมือนกัน โดยเป็นระบบ XiaoAI คอยรับคำสั่งเสียง และยังช่วยจัดการระบบการแจ้งเตือนต่าง ๆ ไม่ให้รบกวนสายตาอีกด้วย
ระบบปฏิบัติการภายใน
Xiaomi Smart Glasse ขนชิปประมวลผล ARM แบบ Quad-core ขนาด 2.4 มม. x 2.02 มม. เข้ามาช่วย พร้อมรันระบบปฏิบัติการ Android OS พร้อมให้บริการผู้ใช้งานอย่างเต็มที่ ทำให้ตัวแว่นสามารถทำได้ทั้งแจ้งเตือน, รับสายโทรศัพท์, นำทาง, มีระบบแปลงเสียงเป็นข้อความ แปลภาษาแบบเรียลไทม์
ในขณะที่ฝั่ง Ray-Ban Stories รองรับระบบปฏิบัติการทั้ง Android OS และ iOS แต่ไม่ได้มีชิปประมวลผลพิเศษแต่อย่างใดเนื่องจากเน้นไปที่กล้องและการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน Facebook View เพื่อจัดเก็บภาพและคลิปวิดีโอที่ได้สำหรับแชร์ไปยังแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ มากกว่าการแสดงผลบนจอภาพเหมือนกับ Xiaomi Smart Glasse นั่นเอง
การรักษาความเป็นส่วนตัว
สำหรับ Facebook ชูเรื่องของการรักษาความเป็นส่วนตัวอย่างจริงจัง โดยประกาศว่าตัวแว่นตา Ray-Ban Stories และแอปพลิเคชัน Facebook View จะไม่เข้าถึงข้อมูลของลูกค้าโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต และยังติดตั้งไฟ LED บนแว่นตาเพื่อแจ้งเตือนหากมีการบันทึกภาพและวิดีโอ และมีปุ่มสำหรับปิดการใช้งานทั้งหมด เปลี่ยนแว่นตาอัจฉริยะให้เป็นแว่นตาแฟชั่นธรรมดา ๆ ได้ทันที
ทาง Xiaomi Smart Glasse แม้จะไม่ได้เน้นการใช้งานโซเชียลมีเดีย ก็มีการติดตั้งไฟ LED บนแว่นตาเพื่อแสดงการบันทึกภาพและวิดีโอเช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้ออกมาพูดเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเท่า Ray-Ban Stories ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า Xiaomi Smart Glasse ไม่ได้เน้นไปที่การใช้งานแชร์สื่อกับโซเชียลมีเดียเหมือน Ray-Ban Stories นั่นเอง
ราคาและการวางจำหน่าย
ขณะนี้มีเพียง Ray-Ban Stories ที่ออกมาประกาศวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในราครา 299 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 9,900 บาท) โดยจะวางจำหน่ายที่ Ray-Ban.com และ Ray-Ban บางสาขาในสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, แคนาดา, ไอร์แลนด์, อิตาลี และสหราชอาณาจักร รวมถึงช้อปอื่น ๆ เช่น Amazon, Best Buy ส่วนทาง Xiaomi Smart Glasse ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าจะประกาศวันวางจำหน่ายและราคาเมื่อไหร่
เรียกได้ว่าทั้ง Ray-Ban Stories และ Xiaomi Smart Glasse ถึงแม้จะมีความเป็นแว่นตาอัจฉริยะที่มีฟีเจอร์ล้ำ ๆ เหมือนกัน แต่รายละเอียดและความโดดเด่นในการออกแบบการใช้งานนั้นค่อนข้างต่างกันเลยทีเดียว ในขณะที่ Ray-Ban Stories เน้นความเป็นแฟชั่นและความสนุกในการใช้งานเพื่อแชร์ภาพและวิดีโอร่วมกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ตามไลฟ์สไตล์ แต่ Xiaomi Smart Glasse จะเน้นไปที่การใช้งานเพื่อฟังก์ชั่นในชีวิตประจำวันที่ใกล้เคียงกับการพกโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็น การรับสาย ข้อความ การแจ้งเตือน ลูกเล่นแปลภาษาแบบเรียลไทม์ และใช้เป็นแผนที่นำทาง แต่ก็จะไม่ได้ไปทางโซเชียลมีเดียเท่ากับ Ray-Ban Stories
ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณผู้อ่านอยากได้ฟังก์ชั่นแบบไหน หรือจะจัดไปเลย 2 แบรนด์ก็น่าสนใจมากทีเดียว
ขอบคุณข้อมูลจาก
Welcome back to the moment. With Ray-Ban x Facebook
Xiaomi Smart Glasses | Showcase | A display in front of your eyes
