นอร์เวย์ & จีน ทำไม EV ใน 2 ประเทศนี้จึงประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
นอร์เวย์ มียอดซื้อรถใหม่เป็นรถไฟฟ้ามากถึง 80% สูงที่สุดในโลก ส่วนจีนมียอดซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในโลก เพราะอะไรทั้ง 2 ประเทศนี้จึงประสบความสำเร็จ พามาพิจารณาเพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์ความสำเร็จของพวกเขา
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ก้าวเข้ามายังวงการยานพาหนะโลก ด้วยจุดมุ่งหมายสำคัญคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปัจจุบันมีหลายประเทศแล้วที่ผู้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดย 5 อันดับแรกได้แก่ นอร์เวย์ ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็น 80% ของรถยนต์ใหม่ในปี 2022 เลยทีเดียว ตามมาด้วย ไอซ์แลนด์ (41%) สวีเดน (32%) เนเธอร์แลนด์ (24%) และจีน (22%) ทั้งนี้แม้จีนจะติดอยู่ในอันดับที่ 5 แต่ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะถือเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และจีนเพียงประเทศเดียวมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าประเทศอื่น ๆ บนโลกรวมกัน
แล้วเหตุผลอะไรที่ทำให้ประเทศเหล่านี้ประสบความสำเร็จในการปรับใช้รถ EV เป็นอย่างมาก TNN Tech พามาพิจารณาประเทศนอร์เวย์และจีน เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์ความสำเร็จของพวกเขา
นอร์เวย์
เป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่ในปี 2022 มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 50% และที่สำคัญพุ่งไกลถึง 80% เลย โดยมียอดขายรวมประมาณ 150,000 คัน เหตุผลหลักก็คือรัฐบาลได้ส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอและเริ่มต้นมาตั้งแต่ยุค 1990 นับว่านำหน้าประเทศอื่นหลายปีทีเดียว และมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่คือภายในปี 2025 จะยุติการขายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ทั้งนี้ 3 เหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้นอร์เวย์เป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการปรับใช้รถยนต์ EV มากที่สุดในโลกคือ
1. รัฐบาลมีการสร้างสิ่งจูงใจทางการเงินให้ประชาชนเลือกใช้ EV เช่น ประชาชนที่ซื้อ EV ไม่ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีจดทะเบียนสูง ซึ่งสิ่งจูงใจแบบนี้รัฐบาลเริ่มทำมาตั้งแต่ยุค 1990 แล้ว และได้รับแรงสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐบาลหลายส่วนรวมถึงพรรคการเมืองทุกพรรคในประเทศด้วย ทั้งนี้ช่วงแรกรัฐบาลพยายามสนับสนุนแบรนด์ EV ของประเทศอย่างติ๊งค์ (TH!NK) แม้มันไม่ประสบความสำเร็จ แต่รัฐบาลก็ยังพยายามสนับสนุนต่อไปเพราะเห็นผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม
2. รัฐบาลลงทุนในเรื่องเครื่องชาร์จ EV เยอะมาก ทำให้นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีเครื่องชาร์จด่วนสาธารณะต่อหัวมากที่สุดในโลก โดยเครื่องชาร์จนี้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 ได้ถึง 80% ภายในเวลา 20 นาที
3. รัฐบาลมีสิทธิพิเศษอื่น ๆ สำหรับผู้ใช้ EV อีก เช่น สิทธิจอดรถฟรีในเมือง การยกเว้นหรือลดค่าผ่านทาง เข้าใช้เลนรถบัสได้ หรือหากต้องใช้บริการเรือเฟอร์รี่ในการขนส่งรถยนต์ ก็จะมีส่วนลดพิเศษให้ผู้ใช้รถยนต์ EV
แต่ทั้งนี้เมื่อคนทั้งประเทศเริ่มหันมาใช้รถยนต์ EV เยอะมากขึ้นแล้ว สิทธิพิเศษต่าง ๆ ก็อาจไม่มีอีกต่อไป เช่น สิทธิจอดรถในเมืองฟรี แต่ก็ถือเป็นตัวอย่างในการผลักดันที่ดีของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นนั่นเอง
จีน
ในขณะที่นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีอัตราการซื้อ EV เยอะที่สุดในโลก ด้านประเทศจีน ก็เป็นประเทศที่มียอดขายรถ EV เยอะที่สุดในโลก โดยในปี 2022 มียอดขายรถยนต์ EV ในจีนมากถึง 4.4 ล้านคัน ซึ่งยอดขายในจีนเพียงประเทศเดียว มากกว่ายอดขายของทุกประเทศบนโลกรวมกันที่ 3 ล้านคันเสียอีก
ทั้งนี้จีนมองว่า EV เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในด้านการผลิตรถยนต์รูปแบบใหม่ ซึ่งสามารถพัฒนาความได้เปรียบหากเริ่มต้นเร็วพอ นอกจากนี้ ยังสนใจที่ EV ช่วยลดมลพิษทางอากาศและลดการพึ่งพาน้ำมันนำเข้าด้วย
ในปี 2009 - 2010 รัฐบาลจีนเริ่มเพิ่มงบอุดหนุนและลดหย่อนภาษีสำหรับทั้งผู้ผลิตและผู้ใช้รถ EV โดยเริ่มจากเมืองนำร่องทั่วประเทศ โดยแต่ละเมืองสามารถปรับแต่งเงินทุนของเมืองตัวเองให้เหมาะกับรูปแบบการผลิตได้ และให้สนับสนุนบริษัท EV ในเมืองนั้น ๆ เพื่อให้บริษัทเติบโต อย่างเช่นบริษัทแบรนด์รถ EV ที่นำเข้าและได้รับความนิยมในไทยอย่างบีวายดี (BYD) ก็เริ่มพัฒนาโดยได้รับการสนับสนุนจากเมืองเซินเจิ้น ก่อนจะค่อย ๆ เติบโตและกลายเป็น 1 ในแบรนด์รถ EV ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ในปี 2018 จีนเริ่มเปลี่ยนมาใช้ระบบเครดิตยานพาหนะที่ปล่อยก๊าซเป็นศูนย์ (zero-emissions vehicle credit system) เพื่อทดแทนการอุดหนุนโดยตรง
การสนับสนุนของรัฐบาลยังมีส่วนทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อรถยนต์ EV ได้อย่างหลากหลาย โดยพบว่า 10 อันดับรุ่นรถยนต์ EV ที่มียอดขายสูงสุดในประเทศจีน เป็นรถ EV ที่ผลิตในประเทศจีนมากถึง 8 รุ่น และชาวจีนสามารถเลือกซื้อรถ EV ได้มากเกือบ 300 รุ่นเลยทีเดียว นอกจากนี้จีนยังถือเป็นประเทศที่มีการพัฒนารถยนต์รุ่นประหยัดเยอะกว่าประเทศอื่น โดยเน้นที่รถขนาดเล็ก และแบตเตอรี่ราคาไม่แพง
ด้านราคาก็เป็นอีกหนึ่งปัจจุบัยที่ทำให้ยอดขายรถ EV ในจีนพุ่งสูง โดยราคารถ EV ถือว่าถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันในประเทศจีน นอกจากนี้การแข่งขันกับแบรนด์รถ EV ชื่อดังของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) อย่างเทสลา (Tesla) ก็กระตุ้นให้เกิดสงครามราคาและยิ่งทำให้ราคา EV ถูกลงด้วย
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญก็คือรัฐบาลจีนได้สนับสนุนให้มีจุดชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ EV สาธารณะ โดยมีสถานีชาร์จด่วนประมาณ 760,000 จุด และมีสถานีชาร์จช้าประมาณ 1 ล้านสถานี รวมถึงยังมีการสนับสนุนด้านอีก ๆ อีกเช่น ปกติป้ายทะเบียนรถในจีนจะใช้เวลาดำเนินการนานมาก แต่หากเป็นรถยนต์ EV จะได้รับป้ายทะเบียนอย่างรวดเร็ว เป็นต้น
ทั้ง 2 ประเทศนี้ถือว่าเป็นตัวอย่างในการผลักดันให้เกิดการยอมรับและปรับใช้รถยนต์ EV ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ควรค่าแก่การเรียนรู้และนำมาปรับใช้ เพื่อทำให้โลกของเรายั่งยืนมากขึ้นนั่นเอง
ที่มาข้อมูล Weforum
ที่มารูปภาพ Gettyimages, Britannica, UIA, Tesla, Changan
ข่าวแนะนำ
-
จีนเร่งพัฒนาจรวดขนส่งไปดวงจันทร์
- 20/6/67