TNN online มาแรงจริง ! อีก 5 ปี คาดอินเดียขึ้นแท่นลูกค้ารายใหญ่ของ Apple

TNN ONLINE

Tech

มาแรงจริง ! อีก 5 ปี คาดอินเดียขึ้นแท่นลูกค้ารายใหญ่ของ Apple

มาแรงจริง ! อีก 5 ปี คาดอินเดียขึ้นแท่นลูกค้ารายใหญ่ของ Apple

นักวิเคราะห์คาดประเทศอินเดียจะกลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท แอปเปิล (Apple) และมีสัดส่วนผู้ใช้งาน 20% ของผลิตภัณฑ์บริษัท แอปเปิล (Apple) ใน 5 ปี ข้างหน้า

นักวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจจากมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) เปิดเผยข้อมูลจากการวิเคราะห์การลงทุนของบริษัท แอปเปิล (Apple) และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอินเดีย  คาดว่าประเทศอินเดียจะมีสัดส่วน 15% ของการเติบโตด้านรายได้ของบริษัท แอปเปิล (Apple) ภายในอีก 5 ปี ข้างหน้า เพิ่มขึ้นจาก 2% ในช่วง 5 ปีก่อน และมีสัดส่วนผู้ใช้งาน 20% ของผลิตภัณฑ์บริษัท แอปเปิล (Apple) ใน 5 ปี ข้างหน้า


โดยนักวิเคราะห์ประเมินจากข้อมูลการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบพลังงานไฟฟ้าของอินเดียและแผนการตลาดของบริษัท แอปเปิล (Apple) ที่ให้ความสำคัญกับอินเดียมากขึ้น รวมไปถึงแผนการตั้งฐานการผลิตในประเทศอินเดียทำให้ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์แอปเปิล (Apple) ในอินเดียมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังเชื่อมโยงเป้าหมายดังกล่าวของบริษัทเข้ากับมูลค่าราคาหุ้นบริษัท แอปเปิล (Apple) จากเดิมถูกกำหนดไว้ที่ 190 ดอลลาร์สหรัฐ ไปที่ระดับ 220 ดอลลาร์สหรัฐ และมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่ 270 ดอลลาร์สหรัฐ


แม้ว่านักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ จะมองว่าอินเดียเป็นโอกาสสำคัญของบริษัท แอปเปิล (Apple) แต่ข้อมูลจากเว็บไซต์ StatCounter เปิดเผยให้เห็นส่วนแบ่งตลาดของบริษัทแอปเปิลในประเทศอินเดียยังคงน้อยอยู่โดยเฉพาะตลาดสมาร์ตโฟน ซึ่งแบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนจากประเทศจีนและเกาหลีใต้


อย่างไรก็ตามการไปให้ถึงเป้าหมายการคาดการณ์ดังกล่าวมีเงื่อนไขสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ อินเดียจะต้องบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจและจำนวนประชากรให้ได้เสียก่อน ซึ่งถ้าไม่เป็นไปตามเป้าหมายรายได้ของบริษัท แอปเปิล (Apple) ในอินเดียก็อาจไปไม่ถึงสัดส่วน 15% ของการเติบโตของรายได้บริษัท รวมไปถึงสัดส่วนผู้ใช้งานที่ชะลอตาม นอกจากนี้นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) ยังมองว่าตลอด 5 ปี ที่ผ่านมาบริษัท แอปเปิล (Apple) ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศจีนลดลง เนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน


ที่มาของข้อมูล CNBC

ที่มาของข้อมูล Reuters

ข่าวฮิตติดแท็ก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง