เขย่าวงการก่อสร้าง บ้านสองชั้นพิมพ์สามมิติ พิมพ์โครงสร้างเสร็จใน 14 วัน !
เขย่าวงการก่อสร้าง กับการสร้างบ้านสองชั้นหลังแรกในอเมริกา ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ ที่ใช้เวลาทำโครงสร้างบ้านไม่ถึง 14 วันและใช้คนงานเพียงแค่ 4-5 คนก็ทำเสร็จ
เขย่าวงการก่อสร้างกันเลยทีเดียว หลังมีการใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติยกระดับงานวิศวกรรมก่อสร้าง พิมพ์โครงสร้างบ้านสองชั้น หรือ 'Two-Story Home' ได้ภายในเวลา 330 ชั่วโมง และใช้คนเพียง 4-5 คนเท่านั้น โดยเชื่อว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้นหลังแรกในสหรัฐอเมริกาที่ใช้เครื่องพิมพ์สามมิติในการก่อสร้างอีกด้วย
เครื่องพิมพ์สามมิติขนาดยักษ์หนัก 12 ตัน
โครงการก่อสร้างนี้เกิดขึ้นที่เมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นการใช้เครื่องพิมพ์สามมิติขนาดมหึมา ชื่อว่า โคบอดบอดทู (COBOD BOD2) ที่มีน้ำหนักมากกว่า 12 ตัน มาช่วยพิมพ์ชั้นคอนกรีตให้กับบ้านสองชั้นสามห้องนอน ขนาด 4,000 ตารางฟุต หรือประมาณ 370 ตารางเมตร โดยจะใช้เวลาพิมพ์โครงสร้างบ้านประมาณ 13 วันครึ่ง
สำหรับโครงการพิมพ์บ้านสามมิติหลังนี้ เป็นการจับมือระหว่างบริษัทออกแบบ ฮันนา (Hannah) บริษัทก่อสร้างด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ เพอริ ทรีดี คอนสตรักชัน (Peri 3D Construction) และบริษัทวิศวกรรมซีไอวีอี (CIVE)
ซึ่งการก่อสร้างบ้านด้วยวิธีนี้ ทีมผู้พัฒนาระบุว่า จะช่วยให้สร้างบ้านได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว และมีราคาค่าใช้จ่ายที่ถูกลง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเครื่องพิมพ์ใช้เวลาติดตั้งเพียงแค่ 1 วัน และทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังยกชิ้นส่วนหนัก ๆ ได้ ทำให้ใช้จำนวนคนทำงานลดลง ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายแรงงานลงตามไปด้วย
โดยวัสดุที่เลือกนำมาทำโครงสร้างบ้านหลังนี้ ก็คือ คอนกรีต เพราะทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี เช่น พายุเฮอริเคน หรือ สภาพอากาศเลวร้ายอื่น ๆ ที่มักพบบ่อยและรุนแรงขึ้นในปัจุบัน อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ความท้าทายคือการทำให้เครื่องพิมพ์สามมิติ พิมพ์บ้านได้หลายแบบ
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของการสร้างบ้านด้วยวิธีนี้ คือการพัฒนาระบบการก่อสร้างด้วยการพิมพ์สามมิติ ให้ใช้สร้างบ้านได้หลาย ๆ แบบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะกับตัวบ้านที่มีโครงสร้างมากกว่าหนึ่งชั้นขึ้นไป ทีมงานจึงต้องพัฒนา ทั้งวัสดุคอนกรีตที่ใช้ คำนวณโครงสร้าง และออกแบบเส้นทางการพิมพ์ของเครื่องจักรให้สอดคล้องกัน
โดยปัจจุบันตัวโครงสร้างบ้านหลังนี้ สร้างเสร็จได้ครึ่งทางแล้ว และตั้งเป้าตกแต่งบ้านทั้งหลังให้สมบูรณ์ภายในครึ่งหลังของปี 2023 นี้ สำหรับบ้านหลังนี้ก็ถือเป็นโอกาสในการเรียนรู้ เพื่อปรับปรุงกระบวนการก่อสร้าง รวมทั้งปรับการใช้วัสดุและต้นทุนให้เหมาะสมที่สุด สำหรับโครงการต่อ ๆ ไป
ส่วนในอนาคตการพิมพ์ 3 มิติอาจกลายเป็นกำลังสำคัญในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง เพราะสามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ไปจนถึงการสร้างที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาได้ด้วย
ขอบคุณข้อมูล reuters, architizer
