Amazon เริ่มใช้โดรนส่งสินค้าในรัฐแคลิฟอร์เนียและเท็กซัสเป็นที่แรก

เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์รายใหญ่แอมะซอน (Amazon) เริ่มให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ หรือ แอมะซอน ไพรม์ แอร์ (Amazon Prime Air) ซึ่งเป็นการให้บริการส่งสินค้าให้กับลูกค้าถึงบ้าน ภายในเวลา 1 ชั่วโมง โดยจะเริ่มให้บริการใน 2 เมืองใหญ่ของสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก คือ เมืองล็อคฟอร์ด (Lockeford) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) และเมืองคอลเลจ สเตชัน (College Station) ในรัฐเท็กซัส (Texas)

การให้บริการส่งสินค้าทางอากาศด้วย แอมะซอน ไพรม์ แอร์ (Amazon Prime Air) นั้น บริษัทได้รับใบอนุญาตจากสหพันธ์บริหารการบิน (Federal Aviation Administration: FAA) ให้ส่งสินค้าทางอากาศด้วยโดรนได้ ในปี 2020 เป็นการให้บริการส่งสินค้าที่มีขนาดไม่ใหญ่ โดยน้ำหนักของสินค้าต้องไม่เกิน 5 ปอนด์ หรือประมาณ 2.3 กิโลกรัม และสินค้าจะถูกจัดส่งภายใน 1 ชั่วโมง 

โดรนขนส่งสินค้าของบริษัท แอมะซอน (Amazon) เป็นโดรนรุ่น MK27-2 ขับเคลื่อนด้วยระบบอัตโนมัติ ออกแบบให้มีใบพัด 6 ใบ โดยได้มีการติดตั้งระบบเซนเซอร์ เพื่อช่วยในการหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้มีการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าบ้างแล้วในช่วงวันคริสต์มาสที่ผ่านมา 

ลูกค้าที่ต้องการรับสินค้าทางอากาศด้วย แอมะซอน ไพรม์ แอร์ (Amazon Prime Air) สามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านทางระบบออนไลน์ (เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน) ลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ให้บริการ จะมีตัวเลือกการส่งสินค้าด้วยโดรนให้เลือก ซึ่งพื้นที่ให้บริการของลูกค้าจะอยู่ห่างจากจุดกระจายสินค้า 3.75 ไมล์ หรือประมาณ 6 กิโลเมตร ในเท็กซัส และ 4 ไมล์ หรือประมาณ 6.5 กิโลเมตร ในแคลิฟอร์เนีย

หลังการสั่งซื้อสินค้า ลูกค้าจะได้รับข้อมูลแจ้งจากระบบเกี่ยวกับสถานะของสินค้า และเวลาที่จะได้รับสินค้าโดยประมาณ เพื่อใช้สำหรับติดตามสินค้าที่สั่งซื้อ เมื่อโดรนบินมาถึงสถานที่ส่งสินค้า ก็จะลดความสูงลงมาอยู่ในระดับที่ปลอดภัยสำหรับการปล่อยสินค้าลงในสวนหลังบ้าน

แต่การทำงานของโดรนขนส่งสินค้ายังคงมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยให้เห็น จากอุบัติเหตุในการทดสอบการบินของโดรนในเมืองเพนเดิลตัน (Pendleton) รัฐออริกอน (Oregon) ทำให้มีโดรนตกลงมาจากความสูง 160 ฟุต หรือประมาณ 49 เมตร และเกิดไฟไหม้

ปัจจุบันบริษัทแอมะซอน (Amazon) ได้กำลังพัฒนาโดรนรุ่นใหม่ คือ รุ่น MK30 ซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่า มีน้ำหนักเบาและเล็กว่ารุ่น MK27-2 อีกทั้งยังสามารถรับมือกับสภาพอากาศได้ดีกว่าเดิม โดยคาดว่าจะพร้อมใช้งานภายในปี 2024

ที่มาของข้อมูล Dronelife 

ที่มาของรูปภาพ Theverge