ออฟฟิศติดแม่น้ำหลบไป ! ชมออฟฟิศลอยน้ำได้ในเนเธอร์แลนด์
ออฟฟิศสมัยนี้ บางทีออกแบบสวยจนแทบจะเหมือนที่พักผ่อนมากกว่าที่ทำงาน แต่เชื่อว่าน่าจะไม่มีที่ไหนชิลไปกว่าออฟฟิศในเนเธอร์แลนด์ ที่ทำออฟฟิศแบบลอยน้ำได้ นั่งปั่นงานไป ชมวิวไป กลางแม่น้ำกันไปเลย
ออฟฟิศธรรมดา ๆ ติดริมแม่น้ำคงต้องหลบไป เมื่อเจอกับสถาปัตยกรรมออฟฟิศแบบใหม่ลอยน้ำได้ ผลงานชิ้นโบว์แดงจากบริษัท พาวเวอร์เฮาส์ คอมพานี (Powerhouse Company) ในประเทศเนเธอร์แลนด์
อาคารสำนักงานลอยน้ำที่ออกแบบด้วยหลักแนวคิดเพื่อความยั่งยืน
อาคารสำนักงานลอยน้ำได้นี้ มีชื่อเรียกว่า Floating Office Rotterdam สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2018-2021 มีขนาดพื้นที่ทั้งหมด 4,500 ตารางเมตร ซึ่งนอกจากใช้เป็นสตูดิโอของบริษัทพาวเวอร์เฮาส์แล้ว ด้านในยังมีอาคารสำนักงานของบริษัท Global Center on Adaptation หรือ GCA ซึ่งเป็นองค์กรด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงร้านอาหารอีกด้วย
วัสดุหลักใช้ไม้เพื่อให้ความรู้สึกอบอุ่น
ตัวอาคารสำนักงานนี้มี 3 ชั้น สร้างขึ้นบนชุดโป๊ะคอนกรีตจำนวน 15 ชุด เชื่อมต่อกันด้วยสายเคเบิลขนาดใหญ่ พร้อมติดตั้งระบบท่อที่ทำหน้าที่เป็นตัวแลกเปลี่ยนความร้อน โดยใช้อุณหภูมิของน้ำที่ท่าเรือเพื่อความร้อนและเย็นตามฤดูกาล โดยอาคารหลังนี้จะลอยอยู่บริเวณแม่น้ำเรนจ์ฮิวเวน (Rijnhaven) ซึ่งเป็นท่าเรืออุตสาหกรรมเก่าในแม่น้ำมาส (Maas) การตกแต่งหลักโดดเด่นด้วยการใช้วัสดุโครงสร้างไม้ รวมทั้งแผ่นพื้น พื้นไม้ลามิเนต ซึ่งช่วยให้การก่อสร้างอาคารหลังนี้มีค่าคาร์บอนต่ำ และทำให้มั่นใจว่ามีน้ำหนักเบาพอที่จะลอยได้ อีกทั้งยังออกแบบให้สามารถประกอบและถอดออก เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในอนาคต
ติดตั้งระบบสร้างพลังงานจากแสงอาทิตย์ แนวคิดเพื่ออาคารรักโลก
ด้านบนมีแผ่นพื้นยื่นออกมาเพื่อสร้างระเบียงที่ช่วยบังแสงอาทิตย์ ส่วนหลังคามีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ช่วยให้อาคารมีแหล่งพลังงานไฟฟ้าใช้ และมีระบบดูดน้ำจากบริเวณรอบอาคารสำหรับใช้ในระบบควบคุมการทำความร้อนและความเย็นของอาคาร ลดการใช้พลังงานได้อีกขั้น อาคารหลังนี้ได้ชื่อว่าเป็นอาคารลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี 2021 นอกจากนี้ยังเคยได้รับคัดเลือกให้เข้าชิงรางวัล Dezeen Awards 2022 จากเว็บไซต์สถาปัตยกรรมชื่อดัง ในประเภทอาคารที่ยั่งยืน
ซึ่งบริษัทผู้ออกแบบกล่าวว่า แรงบันดาลใจของการสร้างอาคารหลังนี้ คือการพัฒนาอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเพื่อเป็นอาคารที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่โลก โดยมองว่าโครงการนี้ ยังสามารถเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก
